ไชน่าเดลี่ - ข้อมูลศุลกากรจีน ในปี 2559 ระบุว่า ประเทศชิลีส่งผลไม้สดเข้าจีนมูลค่าราว 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นราย 22 เปอร์เซนต์จากปีก่อนหน้า แซงไทยขึ้นเป็นอันดับหนึ่งผู้ส่งออกผลไม้ยังจีน
รายงานข่าวกล่าวว่า ความต้องการผลไม้สดของจีนเติบโตขึ้นอย่างมาก และชิลีมีข้อได้เปรียบในการผลิตผลไม้ช่วงนอกฤดูกาลสำหรับจีน
การเติบโตของอุตสาหกรรมผลไม้ชิลี เริ่มขึ้นเมื่อราว 50 ปีที่ผ่านมา และปัจจุบัน ชิลีสามารถผลิตผลไม้ได้มากกว่า 130 ชนิดในแต่ละปี ประเทศชิลีส่งออกผลไม้และพืชผักมากกว่า 2.4 ล้านตัน ยัง 80 ประเทศทั่วโลก อุตสาหกรรมผลไม้ในชิลีคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 40 เปอร์เซนต์ ของการผลิตทางการเกษตรทั้งหมดของประเทศ
ทุกวันนี้ ชิลี เป็นผู้ผลิตผลไม้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในซีกโลกใต้ และเป็นผู้ส่งออกองุ่น และพลัมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปริมาณการส่งออกผลไม้ไปจีนของชีลีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การส่งออกผลไม้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 2 เปอร์เซนต์ เมื่อปี พ.ศ.2550 เป็น 25 เปอร์เซนต์ เมื่อปีที่แล้ว และผลไม้ส่งออกสู่จีนยอดนิยมจากชิลี คือ เชอร์รี่ องุ่น และพลัม
หลุยส์ ชมิตท์ ประธานสหพันธ์การค้าผู้ผลิตผลไม้แห่งชาติชิลี และอดีตเอกอัครราชทูตชิลี ประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า เมื่อสิบปีก่อน เราไม่ได้คิดฝันมาก่อนว่าจะเติบโตเป็นผู้ส่งออกผลไม้รายใหญ่ที่สุดสำหรับจีน และตอนนั้น ยังเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะไทย"
ใน 10 ปีที่ผ่านมา การส่งออกผลไม้สดจากชิลีสู่จีน เพิ่มขึ้นจาก 67 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี พ.ศ.2550 เป็น 1,262 ล้านเหรียญ ในปี พ.ศ.2559 เพิ่มขึ้นเกือบ 19 เท่าตัว
รายงานข่าวกล่าวว่า ตลอดเวลาหลายปี ไทยเป็นผู้ส่งผลไม้ไปจีนมากที่สุดเนื่องจากมีความหลากหลายฤดูกาล ช่วงเก็บเกี่ยวสั้น รวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของผลไม้เขตร้อน และระยะทางขนส่งที่ได้เปรียบฯ
ชมิตท์ กล่าวว่า การส่งออกผลไม้จากชิลีไปจีน มีการเติบโตอย่างรวดเร็วเนื่องจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของตลาดจีน โดยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ความต้องการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารสูจีนเพิ่มขึ้นราว 10 เปอร์เซนต์ ถ้าเราพิจารณาจากการเพิ่มขึ้นของฐานประชากรรายได้ปานกลาง ความต้องการผลไม้คุณภาพจะยังคงดำเนินต่อไป เป็นผลให้ไม่ต้องสงสัยว่า ชิลีจะเป็นผู้ส่งออกที่ดีเลิศของจีน
ผลไม้ของชิลี มีคุณภาพสูง และมีความเหมาะสมยิ่งกับความต้องการของตลาดจีน เนื่องจากเป็นผลไม้นอกฤดูกาลสำหรับชาวจีน ซึ่งชดเชยและเติมเต็มการขาดแคลนผลไม้ในจีนได้ นอกจากนี้ จีนและชิลียังได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างจีนและชิลี ส่งผลให้ในสินค้าภาคการผลิตผลไม้ชิลี ได้รับการลดอัตราภาษีถึง 13 เปอร์เซนต์
รายงานข่าวกล่าวว่า ความต้องการผลไม้สดของจีนเติบโตขึ้นอย่างมาก และชิลีมีข้อได้เปรียบในการผลิตผลไม้ช่วงนอกฤดูกาลสำหรับจีน
การเติบโตของอุตสาหกรรมผลไม้ชิลี เริ่มขึ้นเมื่อราว 50 ปีที่ผ่านมา และปัจจุบัน ชิลีสามารถผลิตผลไม้ได้มากกว่า 130 ชนิดในแต่ละปี ประเทศชิลีส่งออกผลไม้และพืชผักมากกว่า 2.4 ล้านตัน ยัง 80 ประเทศทั่วโลก อุตสาหกรรมผลไม้ในชิลีคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 40 เปอร์เซนต์ ของการผลิตทางการเกษตรทั้งหมดของประเทศ
ทุกวันนี้ ชิลี เป็นผู้ผลิตผลไม้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในซีกโลกใต้ และเป็นผู้ส่งออกองุ่น และพลัมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปริมาณการส่งออกผลไม้ไปจีนของชีลีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การส่งออกผลไม้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 2 เปอร์เซนต์ เมื่อปี พ.ศ.2550 เป็น 25 เปอร์เซนต์ เมื่อปีที่แล้ว และผลไม้ส่งออกสู่จีนยอดนิยมจากชิลี คือ เชอร์รี่ องุ่น และพลัม
หลุยส์ ชมิตท์ ประธานสหพันธ์การค้าผู้ผลิตผลไม้แห่งชาติชิลี และอดีตเอกอัครราชทูตชิลี ประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า เมื่อสิบปีก่อน เราไม่ได้คิดฝันมาก่อนว่าจะเติบโตเป็นผู้ส่งออกผลไม้รายใหญ่ที่สุดสำหรับจีน และตอนนั้น ยังเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะไทย"
ใน 10 ปีที่ผ่านมา การส่งออกผลไม้สดจากชิลีสู่จีน เพิ่มขึ้นจาก 67 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี พ.ศ.2550 เป็น 1,262 ล้านเหรียญ ในปี พ.ศ.2559 เพิ่มขึ้นเกือบ 19 เท่าตัว
รายงานข่าวกล่าวว่า ตลอดเวลาหลายปี ไทยเป็นผู้ส่งผลไม้ไปจีนมากที่สุดเนื่องจากมีความหลากหลายฤดูกาล ช่วงเก็บเกี่ยวสั้น รวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของผลไม้เขตร้อน และระยะทางขนส่งที่ได้เปรียบฯ
ชมิตท์ กล่าวว่า การส่งออกผลไม้จากชิลีไปจีน มีการเติบโตอย่างรวดเร็วเนื่องจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของตลาดจีน โดยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ความต้องการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารสูจีนเพิ่มขึ้นราว 10 เปอร์เซนต์ ถ้าเราพิจารณาจากการเพิ่มขึ้นของฐานประชากรรายได้ปานกลาง ความต้องการผลไม้คุณภาพจะยังคงดำเนินต่อไป เป็นผลให้ไม่ต้องสงสัยว่า ชิลีจะเป็นผู้ส่งออกที่ดีเลิศของจีน
ผลไม้ของชิลี มีคุณภาพสูง และมีความเหมาะสมยิ่งกับความต้องการของตลาดจีน เนื่องจากเป็นผลไม้นอกฤดูกาลสำหรับชาวจีน ซึ่งชดเชยและเติมเต็มการขาดแคลนผลไม้ในจีนได้ นอกจากนี้ จีนและชิลียังได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างจีนและชิลี ส่งผลให้ในสินค้าภาคการผลิตผลไม้ชิลี ได้รับการลดอัตราภาษีถึง 13 เปอร์เซนต์