MGR Online – “พินิจ จารุสมบัติ” นำคณะตัวแทนสภาวัฒนธรรมไทยจีน เยี่ยมข้าราชการและนักเรียนทุนชาวไทยและลาวจำนวน 27 คนที่วิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมจีนปักกิ่ง ชี้เป็นโครงการสำคัญเพราะแวดวงข้าราชการไทยขาดแคลนคนรู้ภาษาจีนมาก พร้อมขยายเวลาทุนเป็น 2 ปี และสานต่อรุ่น 2 รุ่น 3 ยันต้องเพิ่มจำนวนให้มากขึ้นอีก
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2560 นายพินิจ จารุสมบัติ ประธานสภาวัฒนธรรมไทยจีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ นำคณะเข้าพบนายโจว หง อธิการบดีวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมจีนปักกิ่ง (北京华文学院) เพื่อหารือและเยี่ยมนักเรียนทุนชาวไทยและชาวลาว จำนวน 27 คนที่ได้รับทุนจากสภาวัฒนธรรมไทยจีนและส่งเสริมความสัมพันธ์เพื่อเรียนภาษาจีนเป็นเวลาหนึ่งปีการศึกษา ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
อธิการบดีวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมจีนปักกิ่ง ระบุว่า เท่าที่ทราบจากอาจารย์ผู้ดูแลนักเรียนไทย ทราบว่านักเรียนไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าราชการจากกระทรวง และหน่วยงานต่างๆ ตั้งอกตั้งใจเรียนมาก และให้ความร่วมมืออย่างดีเยี่ยม โดยทางสถาบันซึ่งได้รับมอบหมายงานจากสำนักงานกิจการชาวจีนโพ้นทะเลรู้สึกว่าทุกอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จอย่างสูง
น.ส.อลิศรา พรหมโชติชัย อายุ 33 ปี เลขาฯ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หนึ่งในผู้ได้รับทุนดังกล่าวเปิดเผยว่า คณะนักเรียนทุนเดินทางมาถึงประเทศจีนตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2559 และจะเรียนจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม 2560 โดยตนมีพื้นฐานภาษาจีนมาบ้าง การได้มาเรียนเพิ่มพูนความรู้ด้านภาษาจีนนั้นถือเป็นโอกาสที่ดี โดยที่ผ่านมาสำนักงานมีคณะตัวแทนจากจีนมาเยี่ยมเยือนบ้าง และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญยังขาดแคลนบุคลากรที่รู้ภาษาจีนอยู่ การเรียนภาษาจีนอาจเป็นจุดเริ่มต้นในการหาความรู้ต่างๆ ในสังคมจีน รวมทั้งระบบศาลรัฐธรรมนูญในไต้หวัน เพื่อขยายความเข้าใจระบบศาลรัฐธรรมนูญ
“แม้ว่าที่จีนจะไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ แต่ที่ไต้หวันมีศาลรัฐธรรมนูญ ก็อยากจะเอาภาษาจีนไปใช้ในการหาความรู้ เพราะโดยหน้าที่เป็นผู้ช่วยท่านตุลาการ เตรียมเอกสาร ค้นคว้าหาความรู้ในด้านหลักยุติธรรม ส่วนตัวตั้งใจว่าหลังจากพ้นระยะเวลาทุน 10 เดือนไปแล้วจะเรียนภาษาจีนต่อ เพราะรู้สึกว่าระยะเวลาในการเรียนยังน้อยเกินไป ระยะเวลาสิบเดือนระดับภาษาที่ใช้งานได้เพียงแค่ในชีวิตประจำวันเท่านั้น” น.ส.อลิศราระบุ และว่าตนคิดว่านอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ภาษาจีนก็เป็นภาษาที่จำเป็นสำหรับข้าราชการไทย เนื่องจากนับวันจะยิ่งมีการติดต่อกับหน่วยงานของจีนมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้านนายพินิจกล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่สำคัญมาก เพราะคนไทยขาดผู้ที่มีความรู้ด้านภาษาจีนอีกมาก เพราะปัจจุบันไทยกับจีนมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้นทั้ง การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว เมื่อมีความสัมพันธ์กันก็จำเป็นต้นรู้ภาษากัน โครงการนี้ของสภาวัฒนธรรมไทยจีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง เราได้ร่วมมือกับสถาบันแห่งนี้ โดยปีหน้า รุ่นที่ 2 จะมีการเพิ่มจำนวนทุนการศึกษาให้อีก
เมื่อถามต่อว่า กรณีที่มีผู้อยากให้เพิ่มระยะเวลาทุนจาก 1 ปี เป็น 2 ปี เพราะจะทำให้เป้าหมายในการเรียนสัมฤทธิ์ผลและสามารถเอาภาษาไปใช้งานได้จริงมีความเป็นไปได้หรือไม่ ประธานสภาวัฒนธรรมไทยจีนฯ ตอบว่า “เป็นไปได้ครับ เมื่อสักครู่ท่านอธิการบดีบอกแล้วว่า ถ้าใครอยากเรียนต่อเป็นสองปีทางนี้ก็จะจัดการเรียนการสอนให้อย่างดี เพื่อสนองความต้องการ และยกระดับให้นักศึกษาเก่ง สามารถอ่านออกเขียนได้ เจรจาได้ และเมื่อจบรุ่นนี้ไปแล้วก็จะมีรุ่น 2 รุ่น 3 ต่อไป และจะเพิ่มจำนวนขึ้นด้วย”
นายจันทะพอน พันทะวงศ์ หรือ “ตุ๊หนี่” วัย 26 ปี เจ้าหน้าที่จากสำนักนายกรัฐมนตรีลาว นักศึกษาเพียงหนึ่งเดียวที่มาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เปิดเผยกับ MGR Online ว่า ที่ผ่านมาสำนักนายกรัฐมนตรีลาวมีคนรู้ภาษาจีนแต่ไม่เพียงพอ ทำให้ต้องยืมตัวบุคลากรมาจากกระทรวงการต่างประเทศของลาว โดยตนทราบข่าวเรื่องทุนฝึกอบรมนี้จากสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำ สปป.ลาว และผ่านการคัดเลือกจนได้มาเรียน ซึ่งแต่เดิมทีตนไม่มีพื้นฐานด้านภาษาจีนเลยต้องมาเริ่มนับหนึ่งที่ปักกิ่ง
“5-6 เดือนที่ผ่านมาก็ฟังภาษาจีนเข้าใจมากขึ้น แต่พูดยังไม่ค่อยเก่ง ไม่ได้เท่าที่เราตั้งใจไว้ แม้จะสามารถสื่อสารให้เข้าใจ แต่ก็ยังต้องพัฒนาอีก” นายจันทะพอนกล่าว และว่า ในช่วงสิบเดือนที่อยู่ที่จีนตั้งใจว่าจะสอบวัดระดับภาษาจีน (HSK) ให้ได้อย่างน้อยระดับที่ 3 นอกจากนี้ยังรู้สึกประทับใจกับ พี่ๆ ข้าราชการจากเมืองไทยที่ผูกพันและดูแลกันเหมือนคนในครอบครัว
นายซุน กัง อาจารย์ประจำวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมจีนปักกิ่งผู้ดูแลนักเรียนไทย กล่าวว่านักศึกษาไทยขยัน และตั้งใจเรียนมาก นอกจากนี้สิ่งที่ประทับใจมากที่สุดก็คือมีสัมมาคารวะ แม้นักศึกษาส่วนใหญ่จะไม่ใช่เด็กๆ แล้วเนื่องจากทำงานในหน่วยงานราชการกัน ทั้งยังไม่มีพื้นฐานภาษาจีนมากนักแต่ด้วยความขยันหมั่นเพียรตนเชื่อว่านักศึกษษเหล่านี้จะสามารถเรียนภาษาจีนให้ประสบความสำเร็จได้ ทั้งนี้นอกจากจะมีการเรียนการสอนด้านภาษาแล้ว วิทยาลัยยังมีการสอดแทรกความรู้ทางด้านวัฒนธรรมและกิจกรรมการเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์และการท่องเที่ยวด้วย
“ส่วนที่นักศึกษากับประธานสภาวัฒนธรรมไทยจีน กล่าวถึงเรื่องการขยายทุนออกไปเป็นสองปีนั้นผมก็เห็นด้วยเพราะ ระยะเวลาหนึ่งปีในการเรียนภาษาจีนนั้นถือว่าค่อนข้างสั้น นักศึกษาอาจจะเรียนภาษาได้ไม่ครอบคลุมกับการใช้งานนัก ถ้ามีเวลาสักสองปี นักศึกษาก็น่าจะมีพื้นฐานภาษาจีนที่แน่นขึ้น พอกลับไปเมืองไทยก็จะไม่ลืมง่าย” นายซุนระบุและว่า ตนตั้งเป้าว่าเมื่อครบปีแล้วนักศึกษาชุดนี้จะสอบวัดระดับภาษาจีนได้อย่างน้อยระดับ 3 หรือ ระดับ 4
“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการจัดโครงการลักษณะนี้ เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป” นายโจว หงระบุ