อาวุธจีนวันนี้ ผลิตใช้เอง ส่งขายต่างแดน เป็นรองแค่อเมริกากับรัสเซีย

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ผลวิจัยแดนสวีเดนชี้ “อาวุธจีน” มาไกล ผลิตใช้เอง ส่งขายต่างชาติ ผงาดเป็นผู้ค้ารายใหญ่อันดับสามของโลก

อ้างอิงการศึกษาจากสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศแห่งกรุงสต็อกโฮล์ม (Stockholm International Peace Research Institute) ระบุว่า จีนได้ลดการพึ่งพาอาวุธนำเข้าในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เพราะสามารถผลิตขึ้นมาใช้เองได้มากขึ้น และในเวลาเดียวกันก็มีการส่งออกอาวุธสูงขึ้นมากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์

ผลการศึกษาเผยอีกว่า การแข่งขันด้านกำลังสรรพาวุธในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามสถานการณ์ความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ บรรดาประเทศเพื่อนบ้านจีนในเอเชียกำลังพากันสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างแข็งขันนับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา

เมื่อเปรียบเทียบสองช่วงเวลาในระยะสิบปี ระหว่างปี 2550-2554 และปี 2555-2559 พบว่าจีนมีการส่งออกอาวุธหลักสูงขึ้นกว่า 74 เปอร์เซ็นต์ ครองส่วนแบ่งการส่งออกทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 3.8 เป็น 6.2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้จีนเป็นผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่อันดับสามรองจากอเมริกาและรัสเซีย

สหรัฐฯ นั้นครองส่วนแบ่งหนึ่งในสามของการผลิตและส่งออกอาวุธสู่หนึ่งร้อยประเทศทั่วโลก ส่วนจีนมีการจัดส่งอาวุธหลักสู่ 44 ประเทศที่เกือบทั้งหมดตั้งอยู่ในเอเชียและแอฟริกา โดยมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ถูกส่งไปยังปากีสถาน บังคลาเทศ พม่า และอีก 22 เปอร์เซ็นต์ถูกส่งไปยังทวีปแอฟริกา

นอกจากนั้นจีนยังพยายามขยับขยายตลาดการค้า เช่น ในปี 2558 จีนได้ส่งออกเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องรุ่น 90 ให้กับกองทัพเปรูเป็นครั้งแรก โดยรายงานจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในเดือนเม.ย. ปีก่อน ประเมินว่า ยอดขายอาวุธของจีนระหว่างปี 2555-2557 สูงราว 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สถาบันฯ ระบุว่า ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจและความสามารถทางการทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน ทำให้การนำเข้าอาวุธตกลง 11 เปอร์เซ็นต์ในระยะสิบปีข้างต้น แต่จีนยังคงต้องพึ่งพาอาวุธหลักและส่วนประกอบบางส่วนจากรัสเซีย ยูเครน และฝรั่งเศส อาทิ เครื่องยนต์อากาศยาน ซึ่งคิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ของการนำเข้า

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุในรายงานฉบับเดิมว่า แผนการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยของจีน ซึ่งทำให้งบประมาณด้านการทหารเติบโตเกือบสิบเปอร์เซ็นต์นับจากปี 2549 ถึงปี 2558 มีความเป็นไปได้ว่าจะลดผลประโยชน์หลักทางเทคโนโลยีการทหารของสหรัฐฯ