วันวาเลนไทน์! ก็แค่คืนเหงาๆ ของประชากรหนุ่มจีน หลายล้านคน

เอเจนซี - สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เผย (20 ม.ค.) ข้อมูลช่องว่างระหว่างจำนวนประชากรชาย-หญิงจีนในปี 2016 ว่า มีประชากรเพศชายมากกว่าเพศหญิง 33.59 ล้านคน

รายงานระบุว่า สัดส่วนของประชากรเพศหญิงของจีนอยู่ที่ร้อยละ 48.78 จากจำนวนประชากร 1,380 ล้านคน เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกซึ่งอยู่สูงกว่าที่ร้อยละ 49.55

สาเหตุของจำนวนประชากรจีนมีเพศชายมากกว่าเพศหญิงมากนั้น เนื่องมาจากนโยบายลูกคนเดียว ในปี 1979 ซึ่งทำให้หลายล้านครอบครัวต้องทำแท้งทารกเพศหญิง จนกระทั่งปีที่แล้ว รัฐบาลจีนกังวลเรื่องโครงสร้างประชากรซึ่งกำลังเผชิญปัญหาประชากรเพศหญิงในอัตราเจริญพันธุ์ต่ำที่สุดในโลก จึงได้ผ่อนปรนนโยบายลูกคนเดียวเป็นลูกสองคน

หลี่ ซ่วน ศาสตราจารย์ภาควิชาจิตวิทยา ที่นิวยอร์ก ยูนิเวอร์ซิตี้ ซั่งไห่ หรือ เอ็นวายยู กล่าวว่า กระแสบริโภคนิยม และกิจกรรมความบันเทิงต่างๆ ในวันวาเลนไทน์ มักจะมุ่งไปยังคู่รัก ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบกับคนที่เป็นโสด ไม่มีคู่ในประเทศจีน

ข้อมูลในรายงาน "ความโสด" ของ ศาสตราจารย์หลี่ พบว่า คู่รักในจีนมีอัตราการแต่งงานครองชีวิตร่วมกันสูงกว่าในเพื่อนบ้าน หรือประเทศพัฒนาแล้วอาทิ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ตลอดจนชาติตะวันตก

สถิติการสำรวจสำมะโนประชากรแห่งชาติ ในปี 2010 พบว่า มีประชากรเพศชายในวัยเจริญพันธุ์ (เกิน 15 ปี) ร้อยละ 24.7 เทียบกับเพศหญิงมีร้อยละ 18.5 มีคนโสดอยู่ตัวคนเดียวที่รัฐบาลต้องเลี้ยงดูในวัยชราราว 200 ล้านคน

"คงจะไม่บอกว่าไม่น่ากังวัล เพราะแม้สัดส่วนจะดูไม่มาก แต่สำหรับประชากรจีนแต่ละหน่วยล้วนมีความสำคัญ" ศาสตราจารย์หลี่กล่าว และว่า "แต่จะให้พูดว่าเป็นวิกฤติอย่างที่สื่อฯ ต่างๆ ชอบกรอกหู ก็คงไม่ขนาดนั้น เพราะคนมักจะกังวลตามค่านิยมดั้งเดิมในเรื่องสถาบันครอบครัว เพราะวัฒนธรรมจีนนั้น เชื่อว่าทุกอย่างขึ้นกับครอบครัว ถ้าไร้ครอบครัวชีวิตก็พังทลายเหมือนสิ้นโลก"

วิธีการแก้ปัญหาประชากรจีน คงไม่ใช่เพื่อไม่ให้ใครรู้สึกเป็นส่วนเกินของวันวาเลนไทน์ แต่รวมถึงช่องว่างของโครงสร้างประชากร

ในสังคมที่เพศชายเป็นผู้บริหารนโยบายและมีเพศหญิงจำนวนน้อยอยู่ในอำนาจ ศาสตราจารย์หลี่เห็นว่า ผู้ชายควรจะเป็นคนทำหน้าที่ผลักดันการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเพศชายนี้

"คนรุ่นต่อไป ต้องหยุดทำแท้งทารกเพศหญิง กำจัดการทำแท้งผิดกฎหมาย" ศาสตราจารย์หลี่กล่าวฯ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบอัตราส่วนเพศในประเทศจีนนั้น พบว่าเริ่มลดช่องว่างแล้ว โดยเทียบกับทารกหญิง 100 คน ในปี 2004 มีทารกเพศชายเกิดใหม่ 121 คน และลดมาอยู่ที่อัตรา 113.5 คน ในปี 2015