เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - แจ็ค หม่า ประธานบริหารอาลีบาบา (Alibaba) เตือน “เศรษฐกิจจีน” ในระยะสั้นจะเผชิญความยากลำบากมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ และความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ก็ดูเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้
“ในช่วงสามถึงห้าปีข้างหน้านี้ ... สถานการณ์อาจรุนแรงมากกว่าที่ทุกคนเคยประเมินไว้” เจ้าพ่อแห่งอาณาจักรอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ที่สุดบนแดนมังกรกล่าว (25 ม.ค.) ขณะเข้าร่วมการประชุมประจำปีของสมาคมผู้ประกอบการมณฑลเจ้อเจียง (General Association of Zhejiang Entrepreneurs)
หม่ากล่าวในเวทีการประชุมซึ่งเขานั่งเป็นประธานว่า “เป็นเรื่องธรรมชาติ” ที่เศรษฐกิจจีนซึ่งเติบโตอย่างพุ่งพรวดมาตลอดสามทศวรรษจะชะงักงันลง โดยจุดสนใจควรเปลี่ยนไปยัง “คุณภาพของการเติบโตฯ” เช่น การยกระดับอุตสาหกรรมการผลิต
ทั้งนี้ ในวันพฤหัสบดี (26 ม.ค.) สำนักข่าวรอยเตอร์สอ้างอิงแหล่งข่าวด้านนโยบายระบุว่า จีนจะปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ ปี 2560 ลงไปอยู่ราวร้อยละ 6.5 จากเดิมร้อยละ 6.5-6.7 ของปีก่อน เพื่อสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการปฏิรูปเพื่อควบคุมหนี้สินและความเสี่ยงในภาคอสังหาริมทรัพย์ หลังจากเศรษฐกิจจีนขยายตัวร้อยละ 6.7 ในปี 2559 ซึ่งนับเป็นอัตราเติบโตฯ “ช้าที่สุด” ในรอบ 26 ปี
นอกเหนือจากประเด็นทางเศรษฐกิจ หม่ายังแบ่งปันมุมมองต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา รวมถึงความประทับใจต่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้พบปะพูดคุยกัน ณ อาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ มหานครนิวยอร์ก เมื่อไม่นานนี้
หม่ากล่าวว่า แม้ภาพรวมการค้าระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกจะดูเป็นไปด้วยดี แต่ความขัดแย้งย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“หากไม่มีการจัดการอย่างเหมาะสมก็อาจเกิดสงครามการค้า ซึ่งล้วนส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจจีน สหรัฐฯ และโลก” หม่ากล่าว พร้อมเสริมว่า “ไม่ควรประเมินทรัมป์ต่ำเกินไป” โดยก่อนหน้านี้ทรัมป์กล่าวหาว่าจีนเป็นนักบิดเบือนค่าเงิน (currency manipulator) และจะเอาคืนด้วยการเพิ่มกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีน
“ทรัมป์มีสไตล์การพูดและวิธีจัดการสิ่งต่าง ๆ แตกต่างจากที่เราเคยพบจากบรรดานักการเมือง เขาเห็นปัญหามากมายเกิดขึ้นในสหรัฐฯ และหวังจะแก้ไขในวิถีทางที่ไม่เหมือนเดิม”
“ทรัมป์เป็นนักธุรกิจที่เน้นการลงมือทำและผลลัพธ์” หม่ากล่าว โดยเขาเชื่อว่าผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ มีความเฉลียวฉลาดอยู่มาก