xs
xsm
sm
md
lg

เต๋าแห่งอาลีบาบา เมื่อแจ็ค หม่า พูด ทุกคนฟัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา ในโอกาสเข้าร่วมประชุมเศรษฐกิจโลก 2017 เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2017 ที่ผ่านมา (ภาพรอยเตอร์ส)
MGR Online / เอเจนซี - ทศวรรษนี้ คงไม่มีนักธุรกิจคนไหนเดินทางจับมือผู้นำประเทศทั่วโลกเท่าแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา กิจการเว็บไซต์ขายส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีศักยภาพที่ทวีคูณอีกมากในเศรษฐกิจใหม่ยุค 4.0 ล่าสุด สัปดาห์ที่ผ่านมา แจ็ค หม่า ได้เข้าร่วมประชุมเศรษฐกิจโลก ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และแสดงความเห็นของธุรกิจยุคใหม่ไว้ อาทิ โลกาภิวัตน์ ความแตกต่างของผู้ประกอบการอย่าง "อเมซอน" ร้านค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา กับ "อาลีบาบา" รวมถึง การใช้งบประมาณในสงครามของสหรัฐฯ จนเสียโอกาสของประชาชนในประเทศตนเองตลอดเวลาที่ผ่านมา

ในการประชุมเศรษฐกิจโลกประจำปี 2017 World Economic Forum (WEF) เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ระหว่าง 17-20 มกราคมที่ผ่านมานี้ แจ็ค หม่าได้กล่าวถึงความแตกต่างในเชิงปรัชญาธุรกิจระหว่างอเมซอน กับอาลีบาบา ไว้ว่า "ความที่เป็นกิจการในอุตสาหกรรมเดียวกัน คนมักเปรียบเทียบ อาลีบาบา ว่าเป็นดัง "อเมซอนของจีนแผ่นดินใหญ่" ซึ่งนั่นไม่ใช่ เพราะรูปแบบธุรกิจอเมซอนแตกต่างจากอาลีบาบา กิจการอเมซอนดำเนินการแบบจักรวรรดิ มีเจ้าใหญ่ เจ้าบ้าน เจ้าเดียวที่ควบคุมทุกอย่างด้วยตนเอง ทั้งการซื้อ การขาย"

"ปรัชญาธุรกิจของอาลีบาบา ชัดเจนคือเราต้องการเป็นระบบนิเวศน์ธรรมชาติ ไม่ต้องการควบคุมผู้ใด แต่เราต้องการเสริมส่ง สนับสนุนผู้ค้ารายย่อยๆ ให้ทำกิจกรรมซื้อ-ขาย-บริการกันและกันเอง เรามีนวัตกรรม เรามีหุ้นส่วน และผู้ค้าปลีกรายย่อยกว่า 10 ล้านราย พวกเขามีศักยภาพที่จะแข่งขันกับกิจการใหญ่ๆ อย่างไมโครซอฟต์ และไอบีเอ็ม ปรัชญาของอาลีบาบา คือมุ่งใช้เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต เพื่อให้ทุกคนเป็นรายใหญ่อย่างอเมซอน"

แจ็ค หม่า กล่าวกับ ซีเอ็นบีซี และแอนดรูว์ รอสส คอลัมนิสต์ของนิวยอร์กไทม์ส ที่เวทีประชุมเศรษฐกิจโลก เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ว่า การจะจ้างคนงานเพื่อส่งสินค้าทั้งหมดในอาลีบาบา เราต้องใช้คนงาน 5 ล้านคน แล้วอาลีบาบาจะบริหารจ้างคนมหาศาลขนาดนั้นได้อย่างไร ทางเดียวที่เราทำได้คือการส่งเสริมกิจการบริการส่งสินค้าทั้งหลาย สร้างปัจจัยต่างๆ ให้พวกเขามีประสิทธิภาพ มั่นใจว่าพวกเขาต้องรุ่งเรือง แต่ละรายเติบโตด้วยตนเอง สามารถจ้างคนและสร้างกำลังธุรกิจได้ด้วยตนเอง

รายงานข่าวกล่าวว่า ก่อนหน้าการประชุมฯ นี้ แจ็ค หม่า ได้เดินทางพบปะกับประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีการหารือกันเรื่องขยายงานให้กับคนอเมริกันจำนวน 1 ล้านราย โดยรายละเอียดนั้นยังไม่มีการเปิดเผย เพียงแต่รูปแบบนั้นคือการสร้างโอกาสให้ธุรกิจรายย่อยชาวอเมริกันทางตอนกลางของภาคตะวันตก ทำการค้าบนเว็บไซต์อาลีบาบา

ข้อมูลของ เอสอีซี ระบุว่า อาลีบาบาเป็นบริษัทที่ใหญ่ระดับโลก มีพนักงานประจำเต็มเวลาเพียง 36,446 คน และเกือบทั้งหมดอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่

"ผมจินตนาการไม่ออก ในการหางานโดยตรงให้คน 1 ล้านคนทำ "แจ็ค หม่ากล่าว และว่า "ปัจจุบัน อาลีบาบามีพนักงานราว 45,000 คน แต่เราสามารถสร้างโอกาสในการเข้าถึงผู้ค้าปลีกรายย่อยหลายล้านรายได้"

เมื่อเปรียบเทียบกับ อเมซอน ซึ่งมีพนักงาน 230,800 คน (ข้อมูลปี 2015) สร้างงานอื่นๆ จากผู้ค้า คู่สัญญาและบริการสนับสนุนต่างๆ เมื่อถามว่า ระบบธุรกิจจักรวรรดิ์ของอเมซอน กับแบบนิเวศน์ของอาลีบาบา อย่างไหนเป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง แจ็ค หม่าตอบว่า ก็คงถูกทุกข้อ

"ก่อนนี้ ผู้คนเรียกผมว่า ทั้งโง่ และบ้า ในการจะใช้วิธีที่เพี้ยนไปจากแบบอย่างของอเมซอน และ อีเบย์ แต่โลกไม่เคยมีโมเดลเดียว เพราะถ้ามีเพียงวิธีเดียว โลกคงน่าเบื่อเกินไป คนที่ยึดแบบไหน ก็มีความเชื่อในแบบนั้น ซึ่งผมก็เชื่อในแบบของผม" แจ็ค หม่า กล่าว

ทั้งนี้ ฐานอีคอมเมิร์ซจีน จะเริ่มขยายเข้าสู่สหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการในยุคของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ซึ่งก็เคยให้คำมั่นว่าจะตั้งกำแพงกำหนดอัตราภาษีให้หนักในการค้ากับจีน อีกทั้งตั้งแง่ฯ ว่าโลกาภิวัตน์เป็นภัยกับมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ แตกต่างกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ผู้ประกาศจะเป็นผู้นำและปกป้องโลกาภิวัตน์ ที่ดาวอสนี้

แจ็ค หม่า แสดงความเห็นว่า หากจะโทษจีนในเรื่องมาแย่งงานคนอเมริกันและทำให้เศรษฐกิจตกต่ำนี้ หรือกลัวโลกาภิวัตน์ ก็เป็นความเข้าใจตนเองที่คลาดเคลื่อนของสหรัฐฯ เพราะสหรัฐฯ ควรโทษตัวเองมากกว่า

"ไม่ใช่ประเทศอื่นๆ มาขโมยงานของคนอเมริกัน แต่เป็นยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐฯ ต่างหาก ย้อนมองตลอด 30 ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ใช้งบประมาณมากกว่า 14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการก่อสงครามนอกประเทศ มากยิ่งกว่าการลงทุนสร้างสาธารณูปโภคในประเทศตนเอง"

แจ็ค หม่า ไม่เพียงกล่าวถึงการใช้งบประมาณจากนโยบายสงครามนอกประเทศของสหรัฐฯ หม่ายังย้ำว่านี่คือเหตุผลที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่งอกงาม

หม่า กล่าวว่า ความเป็นจริงแล้ว โลกาภิวัตน์ ทางการจ้างแรงงานนอกประเทศ กลับเป็นยุทธศาสตร์ที่ดีด้วยซ้ำ กิจการข้ามชาติของสหรัฐฯ ต่างได้กำไรจากส่วนต่างต้นทุนโลกาภิวัตน์ ตลอด 30 ปี ที่ผ่านมา ไอบีเอ็ม ซิสโก้ ไมโครซอฟต์ ล้วนสร้างรายได้มหาศาล มากกว่าผลประกอบการของธนาคารใหญ่จีนทั้ง 4 แห่งรวมกันด้วย ... ว่าแต่ เงินมหาศาลของกิจการเหล่านั้นหมุนหายไปไหนหมด?

"สหรัฐฯ ไม่กระจายเงินเหล่านั้น ไม่ลงทุนเงินของตนอย่างถูกต้อง และนี่คือความวิตกของประชาชน เงินจำนวนมหาศาลไหลเข้าไปในวอลล์สตรีท และซิลิคอนแวลลีย์ แทนที่จะกระจายไปยังประชาชนที่เศรษฐกิจไม่ดีทางตอนกลางของภาคตะวันตก และระบบการศึกษาอื่นๆ ที่ผ่านมา"

"สหรัฐฯ ควรจะกระจายโอกาสไปยังประชาชนของตน เพราะไม่ทุกคนหรอกที่จะมีโอกาสเข้ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผมเองก็ไม่มีโอกาส หนำซ้ำยังถูกปฎิเสธจากสถาบันนี้มาเป็นสิบครั้ง" แจ็ค หม่ากล่าวย้ำอีกว่า โลกาภิวัตน์ คือสิ่งที่ดี แต่โลกาภิวัตน์ควรจะกระจายให้กับส่วนรวม ไม่ควรจำกัดอยู่กับกลุ่มใดกลุ่มเดียว

แจ็ค หม่า กล่าวด้วยความเชื่อว่า ในยุคนี้จีนกับสหรัฐฯ อย่างไรเสียก็คงไม่ทำสงครามการค้ากัน ถึงแม้โลกาภิวัตน์อาจจะมีผลข้างเคียงส่งผลต่อรูปแบบธุรกิจของอาลีบาบาก็ตาม และการพบปะกับผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ก็มีบรรยากาศดีเกินกว่าตนคาดไว้ จากที่เคยได้ยินได้ฟังคำร่ำลือต่างๆ เกี่ยวกับทัศนคติของโดนัลด์ ทรัมป์ที่มีต่อจีน

แจ็ค หม่า ตอบคำถามนักข่าวฯ ซีเอ็นบีซี เกี่ยวกับเรื่องการเผชิญแรงต้านการค้านำเข้าสินค้าจีนของสหรัฐฯ เพื่อกอบกู้เศรษฐกิจให้คนอเมริกันที่อาจจะเกิดขึ้นในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่า "อเมริกามีเสรีภาพในการพูด ใครจะพูดอะไรก็ได้ ซึ่งเราไม่อภิปรายว่าการค้า การจัดการใครดีกว่ากัน ที่เราพูดคุยกัน คือเรื่องที่เราเห็นด้วย ได้แก่การสร้างพลังเศรษฐกิจให้ธุรกิจรายย่อย"

"โลกต้องการผู้นำใหม่ แต่ต้องเป็นผู้นำใหม่ที่ทำงานร่วมกับทุกคน ผมเป็นผู้ประกอบการ ผมต้องการให้โลกแบ่งปันความรุ่งเรืองมั่งคั่งนี้ด้วยกัน" แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา กล่าวในโอกาสเข้าร่วมประชุมเศรษฐกิจโลก 2017 เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2017 ที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น