เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - รัฐมนตรีแดนมังกรเผย “ความผิดปกติของสภาพอากาศ” กำลังสร้างความวุ่นวายไปทั่วโลก ไม่ใช่เพียงบนแผ่นดินจีนเท่านั้น โดยภาวะ “หมอกควัน” คลุมเมืองของจีนจัดเป็นปัญหาระดับโลกเฉกเช่นมลพิษทางอากาศในลอนดอนและปารีส
อ้างอิงการให้สัมภาษณ์สื่อทางการจีนของนายเฉิน จี้หนิง รัฐมนตรีกระทรวงป้องกันสิ่งแวดล้อม เมื่อวันศุกร์ (6 ม.ค.) ระบุว่า ปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดหมอกควันมาจากระบบทำความร้อนในฤดูหนาว การปล่อยก๊าซพิษของโรงงานอุตสาหกรรม และการปล่อยไอเสียของยานยนต์บนท้องถนน
นอกจากนั้นดัชนีคุณภาพอากาศที่อยู่ในระดับต่ำของจีนยังเกิดจากสภาพอากาศอันผิดปกติ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปถึงปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ที่ทวีความรุนแรงเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกระหว่างปี 2558-2559 โดยคลื่นความร้อนได้ก่อตัวในตอนกลางร่นไปตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก
ทำให้หลายประเทศรวมถึงชาติพัฒนาแล้วอย่างสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเกาหลีใต้ ต้องเผชิญกับความแปรปรวนของสภาพอากาศในช่วงฤดูหนาวนี้ โดยกรุงปารีสประสบกับความหนาวเย็นครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบทศวรรษนานกว่าสัปดาห์ ขณะกรุงลอนดอนก็มีมลพิษทางอากาศสูงกว่ากำหนดทั้งปีในเวลาแค่ห้าวัน
อดีตนักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยชิงหวาเสริมว่า ความปั่นป่วนดังกล่าวอุบัติขึ้นพร้อมกับปัญหาหมอกควันในจีนที่ทวีความรุนแรงด้วยเงื่อนไขคล้ายกัน เช่น กระแสลมหนาวอันเบาบางจากตอนเหนือและอุณหภูมิสูงผิดปกติในหลายพื้นที่ ซึ่งไม่เอื้อต่อการขจัดมลพิษทางอากาศ ซ้ำร้ายยังเร่งปฏิกิริยาทางเคมีในชั้นบรรยากาศระดับล่างจนก่อเกิดฝุ่นพิษขนาดเล็กหรือพีเอ็ม 2.5 (PM2.5) จำนวนมหาศาล
อย่างไรก็ดี เฉินเผยว่า กระทรวงฯ ได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อลดหมอกควันในพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศ โดยเฉพาะนครปักกิ่ง นครเทียนจิน และมณฑลเหอเป่ย ตัวอย่างเช่น การลดหรือหยุดสายการผลิตของโรงงานท้องถิ่นที่มีการปล่อยมลพิษสูง อาทิ โรงปูนซีเมนต์และโรงเหล็ก เป็นต้น
“เหล่าผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมจำเป็นต้องยอมเสียสละเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน” สำนักข่าวซินหวาอ้างคำกล่าวของเฉิน
ส่วนผู้ประกอบการขนาดเล็ก อาทิ เคมีภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์ สิ่งพิมพ์ และวัสดุก่อสร้าง จะทยอยเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ เนื่องจากโรงงานเหล่านี้ใช้สีและน้ำมันปริมาณมาก ซึ่งสามารถระเหยเป็นไอและเพิ่มมลภาวะในชั้นบรรยากาศได้ง่ายดาย
ขณะที่ในเมืองใหญ่อย่างปักกิ่ง เทียนจิน เป่าติ้ง และหลังฝัง ระบบทำความร้อนเพื่อสร้างอบอุ่นแก่บ้านเรือนประชาชนที่เดินเครื่องด้วยการเผาไหม้ถ่านหินจะถูกทดแทนด้วยก๊าซธรรมชาติหรือไฟฟ้า ซึ่งเป็นนโยบายที่จะนำไปใช้ในเมืองอื่น เช่น สือจยาจวง จี้หนัน ไท่หยวน และเจิ้งโจว ในอนาคตอีกด้วย
หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมจะจัดตั้งเครือข่ายเฝ้าติดตามมลภาวะบนถนน ติดตั้งกล้องเลเซอร์ริมทางเพื่อดักจับยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษสูง โดยยานพาหนะคันใดที่ไม่ผ่านเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมจะถูกปรับเงินและห้ามกลับมาวิ่งบนท้องถนนอีก
เฉินระบุว่า การทำสงครามกับหมอกพิษนั้นจำต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย โดยเฉพาะโครงสร้างทางอุตสาหกรรม การบริโภคพลังงาน และวิถีชีวิตของผู้คน ดังนั้นมันจึงเป็น “การต่อสู้อันหนักหน่วงและยาวนาน”