ไชน่าเดลี - ผู้นำจีนย้ำในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก ที่จัดขึ้นในกรุงลิมา เมืองหลวงประเทศเปรู เชื่อมความสัมพันธ์เอเปค คือภารกิจหลักปลดปล่อยศักยภาพกลุ่มฯ ซึ่งยังเป็นเป้าหมายในเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 ด้วย
ไชน่าเดลีรายงาน (20 พ.ย.) ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง กล่าวคำปราศัยในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก ที่จัดขึ้นในกรุงลิมา เมืองหลวงประเทศเปรู เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ว่า แม้กลุ่มอาเซียนและแปซิฟิก กำลังเผชิญการกีดกันสินค้า แต่จีนยังจะถือการเจรจากับตัวแทนของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจกลุ่มเอเปค และพบปะกับผู้นำของชาติสมาชิกกลุ่มเศรษฐกิจเอเปค
"การจัดตั้งเขตการค้าเสรีเอเชียแปซิฟิก (FTAAP) เป็นตัวชี้วัดเชิงกลยุทธ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับความเจริญรุ่งเรืองในระยะยาวของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งควรจะผลักดันไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น" สี จิ้นผิง กล่าวและเสริมว่า เศรษฐกิจโลกาภิวัตน์ จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย
กระบวนการ FTAAP ได้เปิดตัวครั้งแรกในการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค 2014 ในกรุงปักกิ่ง และแผนดำเนินการได้ผ่านการรับรองไปแล้ว
สี จิ้นผิงกล่าวกับบรรดาผู้นำเอเปคว่า การเชื่อมความสัมพันธ์เป็นภารกิจสำคัญที่จะปลดปล่อยศักยภาพของกลุ่มฯ ซึ่งยังเป็นเป้าหมายในเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 ด้วย
"เศรษฐกิจของจีนกำลังพบกับความท้าทายบางอย่างของภาวะโลก" สี จิ้นผิง กล่าวและว่า จีนได้ดำเนินบทบาทเชิงบวกในการปรับตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้การเจริญเติบโตของจีนยังคงดำเนินไปด้วยดี
ทั้งนี้ กลุ่มเศรษฐกิจเอเปค ได้รวมตัวก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2532 มีสมาชิกทั้งสิ้น 21 เขตเศรษฐกิจ (19 ประเทศ 2 เขตเศรษฐกิจ) มีจำนวนประชากรรวมกันร้อยละ 39 ของประชากรโลก ครองสัดส่วนเศรษฐกิจโลกไว้ร้อยละ 60 และร้อยละ 46 ของการค้าโลก