เอเจนซี - จีนหวั่นสายน้ำแยงซีจะล้นทะลักช่วงวสันตฤดู ก่อเกิด “มหาอุทกภัย” เหมือนภัยพิบัติน้ำท่วม ปี 2541 ซึ่งเป็นผลจากปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” ครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ คร่าชีวิตผู้คนนับพัน และสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนหลายร้อยล้านคนทั่วแดนมังกร
นับถอยหลังไปเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน จีนต้องประสบกับเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ ที่เริ่มต้นถาโถมจากแม่น้ำฉังเจียงหรือแม่น้ำแยงซี ซึ่งมีความยาวมากที่สุดในจีนและทวีปเอเชีย รวมถึงสองทางเดินน้ำสายหลักทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน
มหาอุทกภัยครั้งนั้น ซึ่งถูกยกให้เป็นหนึ่งในสามภัยพิบัติน้ำท่วม ที่มีความรุนแรงมากที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 ได้กินเวลานานกว่าสองเดือน ตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2541 ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจีน 220 ล้านคนใน 24 มณฑล และทำให้มีผู้เสียชีวิต 3,004 คน
มาถึงวันนี้ ... ชาวจีนอาจต้องเผชิญฝันร้ายแบบเดิมอีกครั้ง!
สำนักข่าวซินหวาอ้างอิงข้อมูลจากนายหลิว หนิง เลขาธิการศูนย์สั่งการบรรเทาภัยแล้งและป้องกันอุทกภัยแห่งชาติ และผู้ช่วยรัฐมนตรีด้านการจัดการทรัพยากรน้ำของจีน เมื่อช่วงต้นเดือนเม.ย. ระบุว่าเป็นไปได้สูงที่จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ บริเวณลุ่มน้ำแยงซีตอนกลางและตอนล่างในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้
นายหลิวกล่าวว่า สภาพอากาศของประเทศจีนในปีนี้อาจเลวร้ายมากขึ้น โดยมีสาเหตุจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ที่เริ่มก่อตัวในเดือนก.ย. ปีก่อน และอาจมีความรุนแรงมากที่สุดนับจากรูปแบบกาลอากาศ (weather pattern) ในปี 2540/41
“ปรากฏการณ์เอลนีโญกำลังส่งผลกระทบต่อแผ่นดินจีนในหลายทาง ทำให้เกิดสภาพอากาศที่มีลักษณะเหมือนกับตอนที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ ปี 2541” นายหลิวกล่าว
สื่อทางการจีนเสริมว่า ปัจจุบันน้ำตกหลายแห่งตามลำน้ำแยงซีกำลังรองรับมวลน้ำก้อนใหญ่เกินกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ซึ่งบ่งชี้ว่าฤดูน้ำหลากมาเร็วกว่าหลายปีที่ผ่านมา
คณะนักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศกล่าวมานานแล้วว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญมักเป็นต้นเหตุของน้ำท่วมรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ของจีน และความแห้งแล้งในหลายประเทศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งขณะนี้อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ได้พานพบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เอลนีโญถือเป็นสัญญาณเตือนความผิดปกติของมวลน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกแถบเส้นศูนย์สูตร ที่จะแวะเวียนมาหนึ่งครั้งในทุกสามถึงสี่ปี เป็นปรากฏการณ์ที่แสดงให้เห็นความแปรปรวนของอากาศ เพราะขณะก่อภัยแล้งให้ชาติอาเซียน เอลนีโญก็สามารถก่อน้ำท่วมในอเมริกาใต้ได้
ทั้งนี้ มีการพยากรณ์ว่าปริมาณฝนในเขตลุ่มน้ำแยงซีจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10-50 ในเดือนพ.ค. รวมถึงแม่น้ำสาขาบางสายของแยงซีตอนล่างก็อาจมีฝนเพิ่มขึ้นร้อยละ 20-50 และจากนั้นในเดือนมิ.ย.-ส.ค. แม่น้ำแยงซีทั้งสายอาจมีฝนเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 โดยเฉพาะตอนกลางของแม่น้ำอาจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50-80
นอกจากนั้นเมื่อราวสองสัปดาห์ก่อนได้เกิดพายุฝนห่าใหญ่พัดผ่านหลายมณฑลทางจีนตอนใต้ อาทิ ก่วงตง (กวางตุ้ง), ก่วงซี, หูหนัน, เจียงซี และฝูเจี้ยน เสมือนส่งสัญญาณบอกว่า มวลน้ำในแม่น้ำหลายสายกำลังไต่ระดับสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ เช่น แม่น้ำกั้นเจียงในเจียงซี มีระดับน้ำเหนือเส้นปลอดภัยขึ้นไปกว่า 2.52 เมตร
เจียงซี เดลี สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ทางการท้องถิ่นต้องสั่งปิดการใช้งานทางหลวงระหว่างเมืองซย่าเหมินของฝูเจี้ยนและเมืองเฉิงตูของซื่อชวน (เสฉวน) มากกว่าหนึ่งวัน เพราะเกิดเหตุดินโคลนถล่มหลายจุดตลอดเส้นทางสัญจร
อย่างไรก็ดี ณ การประชุมด้านการจัดการและควบคุมอุทกภัย ซึ่งจัดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ นายหวัง หยั่ง รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเร่งดำเนินมาตรการป้องกันล่วงหน้า ทั้งซ่อมแซมโครงสร้างสาธารณูปโภคที่พังเสียหาย เสริมเติมวัสดุที่จำเป็นต่อการควบคุมน้ำท่วม และเฝ้าติดตามแผนรับมือวิกฤตอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงประสบเหตุอุทกภัย
สื่อทางการจีนทิ้งท้ายว่า หากคำทำนายกลายเป็นความจริง มหาอุทกภัยอาจสร้างปัญหาเรื่องปากท้อง เนื่องจากหลายมณฑลตามลุ่มน้ำแยงซีเป็นพื้นที่เพาะปลูกข้าวกว่าร้อยละ 60 ของจีน ซึ่งอาจบีบบังคับให้จีนต้องนำเข้าข้าวจากประเทศผู้ส่งออกรายหลักในเอเชีย เช่น ไทย เวียดนาม หรือแม้แต่อินเดีย.