สื่อจีนรายงาน (21 ม.ค.) คลื่นความเย็นจากภาคเหนือของจีนแผลงฤทธิ์สู่ภาคกลาง และภาคตะวันออกของประเทศ ไปยันภาคใต้ คาดหิมะตกในหลายเมืองของมณฑลกว่างตง โรงเรียนประกาศหยุดการเรียนการสอน ชาวบ้านแห่ซื้อเสบียงอาหารตุนจนเกลี้ยงร้าน
วันอังคาร (19 ม.ค.) เมืองเอ๋อร์กู่น่า ในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทำสถิติอุณหภูมิต่ำที่สุดของประเทศ ด้วยอุณหภูมิติดลบ 47.5 องศาเซลเซียส ก่อนที่คลื่นความเย็นจะเคลื่อนตัวลงทางใต้ ส่งผลให้ผู้คนนับล้านต้องประสบความหนาวเหน็บ
เมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติจีน ได้ประกาศเตือนภัยพายุหิมะในหลายพื้นที่ โดยระบุว่าอุณหภูมิอาจปรับลดลงอย่างหนักถึง 10 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ คลื่นความเย็นจะพัดเอาพายุหิมะสู่ลุ่มแม่น้ำแยงซี และอาจมีหิมะหนาถึง 30 มิลลิเมตรในบางพื้นที่
รายงานระบุว่า คลื่นความเย็นจะแผ่ตัวไปจนถึงมณฑลก่วงตง โดยเมืองก่วงโจวจะมีอุณภูมิต่ำสุด 1 องศาเซลเซียส ในขณะที่เมืองตงกวน เมืองฝอซัน เมืองเซินเจิ้นจะมีอุณภูมิต่ำถึงติดลบ 3 องศาเซลเซียส ก่อนที่อุณหภูมิจะค่อยๆปรับตัวสูงขึ้นในวันอังคาร (26 ม.ค.)
โรงเรียนหลายแห่งในเมืองฉังซา มณฑลหูหนัน ประกาศปิดภาคเรียนฤดูหนาวเร็วกว่ากำหนด 3 วัน ในขณะที่กรมการศึกษาเมืองหังโจวประกาศอนุญาตให้นักเรียนหยุดเรียนได้ ทางด้านกรมการเกษตรได้ประกาศให้เกษตรกรเพิ่มปุ๋ยเพื่อบำรุงต้นไม้ให้ยืนหยัดต่อสู้ภัยหนาว การไฟฟ้าในหลายเมืองก็เตรียมแผนละลายน้ำแข็งตามโรงงานไฟฟ้า
วันจันทร์ (18 ม.ค.) กรุงปักกิ่งทำสถิติการใช้ไฟฟ้ามากที่สุด ด้วยปริมาณไฟฟ้า 16.6 ล้านกิโลวัตต์ เนื่องจากประชาชนแห่เปิดฮีตเตอร์ไฟฟ้าสู้ภัยหนาว
ชาวบ้านหวั่นจะซ้ำรอยภัยหนาวในปี 2551 ซึ่งพายุหิมะได้ปิดถนนหนทาง เกิดความโกลาหลในการแย่งชิงกันขึ้นรถโดยสาร จึงได้แห่ซื้อเสบียงอาหารกักตุน ร้านสะดวกซื้อในหลายเมือง เช่นเมืองเหอเฝย มณฑลอันฮุย, เมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียง ต่างแน่นขนัดไปด้วยลูกค้า ซึ่งต่อแถวยาวเหยียดเพื่อซื้อผัก เนื้อสัตว์และไข่ไก่ จนสินค้าบนชั้นถูกกวาดซื้อจนเกลี้ยง
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า โอกาสที่จะเกิดภัยหนาวอย่างหนักเหมือนเช่นในปี 2551 นั้นมีน้อย เนื่องจากระยะเวลาแผลงฤทธิ์ของคลื่นความเย็นนั้นสั้นกว่า