เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - จีนจะเปิดโรงเรียนต่อต้านการก่อการร้ายแห่งแรกของประเทศ ภายใต้การกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยซึ่งตั้งอยู่ใกล้เขตปกครองตนเองซินเจียง ชนชาติอุยกูร์ เพื่อเป็นไปตามกฎหมายต่อต้านการก่อร้าย ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2559
อ้างอิงจากมหาวิทยาลัยวิชากฎหมายและรัฐศาสตร์แห่งตะวันตกเฉียงเหนือ ในเมืองซีอัน มณฑลส่านซี เปิดเผยการดำเนินงานจัดตั้งสถาบันอิสระ ที่จะรับสมัครบัณฑิตปริญญาตรี สาขาวิชานิติศาสตร์ เข้ามาศึกษาวิชากฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
ผู้สำเร็จการศึกษาจะได้รับมอบปริญญา ที่แบ่งออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่ ระดับมหาบัณฑิต (ปริญญาโท) และระดับดุษฎีบัณฑิต (ปริญญาเอก) ในด้าน “การต่อต้านการก่อการร้ายศึกษา” (anti-terrorism studies)
นายจยา อี้ว์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ เผยระหว่างการประชุมในสัปดาห์ก่อนว่า จุดประสงค์หลักคือการพัฒนาความรู้ความสามารถเป็นพิเศษ โดยสถาบันที่จะก่อตั้งนั้นถือเป็นองค์กรแรกของจีน ที่เน้นศึกษาและสั่งสอนเกี่ยวกับการต่อต้านการก่อการร้าย
มหาวิทยาลัยตั้งเป้าเป็นคลังสมองด้านการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งที่ผ่านมาได้ให้ความสนใจในประเด็นดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยดำเนินการวิจัย และเปิดเว็บไซต์ข่าวสารการต่อต้านการก่อการร้ายแห่งประเทศจีน (China Anti-Terrorism Information) ขึ้นมา
จยาบอกว่า คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยได้ลงพื้นที่ซินเจียงอยู่หลายครั้ง เพื่อทำการสืบสวนและเก็บข้อมูลอันเป็นประโยชน์ ก่อนเสนอต่อผู้วางแผนนโยบายของประเทศ
“ไม่เกินห้าปีถัดจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการก่อการร้ายคงเป็นที่ต้องการตัวอย่างมาก มหาวิทยาลัยจึงเล็งเห็นประโยชน์ของการคว้าโอกาสเชิงยุทธศาสตร์นี้ไว้” จยากล่าวทิ้งท้าย
อนึ่ง มณฑลส่านซีตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ใกล้กับมณฑลกันซู่, เขตปกครองตนเองหนิงซย่า ชนชาติหุย และเขตปกครองตนเองซินเจียง ชนชาติอุยกูร์ อันเป็นถิ่นฐานของประชากรชาวมุสลิมจำนวนมาก
กฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายฉบับใหม่ของจีน ที่ผู้นำเข็นออกมาใช้ปราบปรามเหตุความรุนแรงทางเชื้อชาติที่ส่อเค้าขยับขยายตัว เพิ่งมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ม.ค. โดยกำหนดให้มีการจัดตั้งคณะทำงานระดับรัฐ และหน่วยงานระดับรัฐบาลท้องถิ่นประจำนครต่างๆ ทั่วประเทศจีน
นอกจากนั้นยังอนุญาตให้กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (พีแอลเอ) สามารถดำเนินงานต่อต้านการก่อการร้ายในต่างประเทศ รวมถึงเรียกรับข้อมูลความเป็นส่วนตัวและการเข้าถึงประตูหลังของบริษัทด้านเทคโนโลยีในประเทศ เพื่อใช้ป้องกันหรือสอบสวนเหตุก่อการร้ายอีกด้วย