สื่อจีนรายงาน (17 พ.ย.) สถาบันการศึกษานานาชาติ หรือไอไออี (Institute of International Education : IIE) ระบุในรายงานประจำปี “โอเพ่น ดอร์ส รีพอร์ท 2015” (Open Doors Report 2015) ว่าประเทศจีนเป็นประเทศสุดฮิตอันดับสาม สำหรับการศึกษาต่อต่างประเทศของนักศึกษาทั่วโลก
วันจันทร์ (16 พ.ย.) สถาบันไอไออี ในกรุงวอชิงตัน เปิดผลการสำรวจว่า จำนวนนักศึกษาต่างชาติในประเทศจีน ประจำปีการศึกษา 2557-2558 มีจำนวนทั้งสิ้น 377,054 คน นับเป็นประเทศที่มีนักศึกษาต่างชาติมากเป็นอันดับ 3 ในขณะที่สหรัฐอเมริกายังคงครองแชมป์ ตามมาด้วยประเทศอังกฤษ
เป็คกี้ บลูเมนทัล (Peggy Blumenthal) ที่ปรึกษาอาวุโสของประธานสถาบันการศึกษานานาชาติ กล่าวขณะสรุปผลการสำรวจว่า เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ประเทศจีนขยับเป็นอันดับสาม แทนที่ประเทศในทวีปยุโรป อย่างประเทศเยอรมนี หรือประเทศฝรั่งเศส เหมือนที่ผ่านๆมา นอกจากปัจจัยเรื่องคุณภาพทางการศึกษาที่สูงแล้ว การที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในสหรัฐอเมริกาไปเปิดสาขาในแดนมังกร เช่น มหาวิทยาลัยดุ๊ก คุนชาน (Duke Kunshan University) หรือมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ชั่งไห่ (New York University Shanghai) ก็ช่วยเพิ่มความสนใจให้แก่นักศึกษาทั่วโลก
ทางด้าน อัลลาน อี กู๊ดแมน (Allan Goodman) ประธานสถาบันไอไออี ให้ความเห็นว่า โครงการ “100,000 สตรอง อินนิชิเอทีฟ” (100,000 Strong Initiative) ของนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังเยือนจีนในปี 2009 ซึ่งตั้งเป้าส่งนักศึกษาอเมริกันไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนในสี่ปีหลังจากนั้น และโครงการนักเรียนทุนชวาร์ซแมน (Schwarzman Scholars programme) ของ “สตีเฟ่น ชวาร์ซแมน” (Stephen Schwartzman) มหาเศรษฐีพันล้านชาวอเมริกัน ประธานแบล็กสโตนกรุ๊ป ซึ่งให้ทุนสำหรับการศึกษาที่มหาวิทยาลัยชิงหวา ทำให้ประเทศจีนได้รับความสนใจจากนักศึกษาจำนวนมาก
ผลการสำรวจพบว่า นักศึกษาต่างชาติในจีนส่วนใหญ่เดินทางมาจากประเทศเกาหลีใต้ และประเทศญี่ปุ่น โดยเล็งเห็นความต้องการของตลาดการค้า และความต้องการเรียนรู้ภาษาจีนกลาง ซึ่งนักศึกษาที่เดินทางไปศึกษาต่อที่จีน มักไม่คิดที่จะเดินทางไปเรียนต่อที่สหรัฐฯในอนาคต
แม้ว่ามหาวิทยาลัยยอดนิยมในกลุ่มนักศึกษาชาวอเมริกัน จะยังคงอยู่ในประเทศ อังกฤษ อิตาลี สเปน หรือฝรั่งเศส ในรายงานประจำปีของสถาบันการศึกษานานาชาติได้ระบุว่า นักเรียนชาวอเมริกันให้ความสนใจมหาวิทยาลัยในจีนมากขึ้นเป็นอันดับที่ 5 อย่างไรก็ตามจำนวนนักศึกษาอเมริกันในประเทศจีนในปีการศึกษา 2557-2558 ลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีการศึกษา 2556-2557 ซึ่งที่ปรึกษาอาวุโสฯ เป็คกี้ คาดว่าอาจเป็นเพราะ โครงการแลกเปลี่ยนการศึกษา หรือความกังวลต่อมลภาวะในประเทศจีน