ASTVผู้จัดการออนไลน์—สื่อทางการจีนออกข่าว “ขณะนี้กองทัพอากาศสามารถปฏิบัติการโจมตีระยะไกลได้อย่างแม่นยำ” ไล่หลังจากวันที่เพนทากอนแถลงว่า กองทัพสหรัฐฯสามารถปฏิบัติการบิน แล่นเรือ ในบริเวณเขตแดนพิพาททะเลจีนใต้ ได้ทุกเมื่อ
เมื่อวานนี้ (14 ต.ค.) สื่อทางการจีน ไชน่า เดลี รายงานว่า ขณะนี้เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ H-6K ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน หรือพีแอลเอ สามารถปฏิบัติการโจมตีระยะไกลอย่างแม่นยำ ในทุกสภาพอากาศ
ระหว่าง 2-3 เดือนนี้ กองทัพอากาศและนาวีจีน ได้ปฏิบัติการซ้อมรบระยะไกลหลายครั้งในบริเวณน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิกที่ห่างไกลจากชายฝั่งจีน ในปฏิบัติการซ้อมรบเหล่านี้ เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์รุ่นใหม่ล่าสุด รุ่น H-6K ได้เข้าร่วมซ้อมการโจมตีด้วย
ไชน่า เดลี่ อ้างการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญทางทหาร นาย ฟู่ เฉียนเชา ระบุว่า ขณะนี้ เครื่องบินทิ้งระเบิด H-6K สามารถซัดเป้าหมายได้หลากหลาย ด้วยจรวดนำวิถี และจรวดโจมตีเรือ
“ฝูงบินทิ้งระเบิด H-6K ได้ปฏิบัติการซ้อมรบหลายครั้งในมหาสมุทรแปซิฟิก ได้ทดสอบปฏิบัติการหลายอย่าง เช่น การโจมตีระยะไกลอย่างแม่นยำ” ฟู่ ให้คำสัมภาษณ์กับไชน่า เดลี่ เมื่อวันอังคาร (13 ต.ค.)
“ในอดีต เครื่องบินทิ้งระเบิดของเรามีความสามารถแค่ทิ้งระเบิดทางอากาศ ไม่สามารถปฏิบัติการโจมตีอย่างแม่นยำ สำหรับ H-6K พัฒนาด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง สามารถติดตั้งจรวดหลากหลายประเภท สามารถปฏิบัติการซัดขีปนาวุธนำวิถีจากอากาศสู่พื้นดิน และปล่อยขีปนาวุธต่อต้านเรือ ซึ่งก็หมายความว่ามันสามารถโจมตีเป้าหมายที่หลากหลายทั้งบนพื้นดิน หรือในทะเลในปฏิบัติการเที่ยวเดียว”
ด้านกลุ่มนักวิเคราะห์ได้จับตาเครื่องบินทิ้งระเบิด H-6K อย่างใกล้ชิดมาตลอด เนื่องจากเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ลำแรกของจีน ที่ถูกออกแบบมาเพื่อบุกเข้าไปในแดนศัตรู โจมตีเป้าหมายระยะไกลอย่างแม่นยำ”
ทั้งนี้ H 6K ถูกออกแบบมาเพื่อการโจมตีจากระยะไกล สามารถโจมตีเรือบรรทุกเครื่องบินและกองเรือคุ้มกันของสหรัฐฯ รวมทั้งเป้าหมายเร่งด่วนในย่านเอเชีย เครื่องบินรุ่นนี้สามารถติดกระสุนนิวเคลียร์ได้ด้วย
ด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯหรือเพนทากอน ระบุในรายงานว่า เครื่องบินเจ็ททิ้งระเบิดจะทำให้ความสามารถในการโจมตีระยะไกลทางอากาศของกองทัพจีน ก้าวล้ำขึ้นมา
นอกจากนี้ ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา จีนได้ท้าทายจ้าวมหาอำนาจทางทหารแห่งสหรัฐฯทั้งทางอากาศ และในโลกอวกาศ ด้วยการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัย ได้แก่ เครื่องบินขับไล่เทคโนโลยีหลบหลีกเรดาร์ หรือสเตลท์ เครื่องบินสอดแนมรุ่นไฮเทค และขีปนาวุธที่ร้ายกาจรุ่นใหม่ๆ
ในวันอังคาร (13 ต.ค.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ นาย แอชตัน คาร์เตอร์ กล่าวว่ากองทัพอินทรีสามารถส่งปฏิบัติการเรือ และเครื่องบินในเขตต่างๆรวมทั้งเขตพิพาทกรรมสิทธิ์บริเวณหมู่เกาะสแปรตลีในทะเลจีนใต้ ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
“สหรัฐฯสามารถส่งเครื่องบิน เรือ และปฏิบัติการทั่วโลกภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ แม้ในทะเลจีนใต้ก็ไม่เว้น” คาร์เตอร์ กล่าวในที่ประชุมข่าวร่วมเมื่อวันอังคาร (13 ต.ค.) หลังเสร็จสิ้นการประชุม 2 วัน ระหว่างกลุ่มรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศและกลาโหมจากสหรัฐฯและออสเตรเลีย
ในการแถลงการณ์ร่วมยังระบุเนื้อหาแสดงความวิตกอย่างแรงต่อกรณีที่จีนประกาศอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนและผุดสิ่งก่อสร้างต่างๆในทะเลจีนใต้ พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกๆฝ่ายหยุดประกาศอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดน การก่อสร้าง และเคลื่อนไหวทางทหารใดๆ
ทั้งนี้ ศึกพิพาทดินแดนบริเวณหมู่เกาะสแปรตลีในทะเลจีนใต้ มีคู่กรณีชิงเกาะ ได้แก่ บรูไน จีน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ไต้หวัน เวียดนาม
จีนประกาศอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนทั้งหมดในทะเลจีนใต้ ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจีนเตือนว่า ปักกิ่งจะไม่ทนต่อการละเมิดเขตน่านน้ำที่อ้างอิสรภาพในการเดินเรือ
ก่อนหน้ามีรายงานข่าวจากสื่อเทศ ไฟแนนเชียลไทม์ส อ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯได้อ้างเสรีภาพในการเดินเรือและกำลังตัดสินใจจะส่งกองเรือของกองทัพปฏิบัติการภายในรัศมี 12 ไมล์ทะเล รอบๆบรรดาเกาะเทียมที่จีนสร้างขึ้นบริเวณหมู่เกาะสแปรตลี
“การปฏิบัติการภายใน 12 ไมล์ทะเล เป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง ในทางเลือกหลายๆทางที่เรากำลังพิจารณาอยู่” เจ้าหน้าที่อมเมริกันว่า
ทั้งนี้ ตามกฎหมายระหว่างประเทศ รัฐชายฝั่งมีอำนาจอธิปไตยเหนือทะเลอาณาเขตของตนภายในรัศมี 12 ไมล์ทะเล (1 ไมล์ทะเล เท่ากับ 1.85 กิโลเมตร) โดยรวมอำนาจอธิปไตยในห้วงอากาศ (air space) เหนือทะเลอาณาเขตนั้นด้วย