เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ -การอ่อนค่าของเงินหยวน ภาวะปั่นป่วนในตลาดหุ้นจีน และเทรนด์นิยมเกาหลีทำให้ร้านขายสินค้าแบรนด์หรูในฮ่องกงและสิงคโปร์พากันหนาว โดยนักวิเคราะห์คาดว่า นักช้อปกระเป๋าหนักแดนมังกรกำลังเปลี่ยนรสนิยม จากที่เคยแห่ไปยังดินแดนทั้งสอง เวลานี้หันไปช้อปปิ้งในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไทยแทน
ช่วงวันหยุดยาวฉลองวันชาติจีนที่ 1 ต.ค. เคยเป็นสัปดาห์ทองของร้านค้าปลีกในฮ่องกง แต่แนวโน้มกำลังจะเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับสิงคโปร์ ซึ่งกำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดลูกค้าสินค้าหรูจากแผ่นดินใหญ่ โดยจากรายงานของเออร์แวน แรมเบิร์ก หัวหน้าร่วมของฝ่ายวิจัยผู้บริโภคและการค้าปลีกของธนาคารเอชเอสบีซีระบุว่า ความแตกต่างของราคาสินค้า เทรนด์แฟชั่น และระเบียบข้อบังคับทำให้ผู้บริโภคชาวจีนกำลังเปลี่ยนที่หมายในการจับจ่ายซื้อสินค้าหรูอย่างรวดเร็ว
เมื่อปีที่แล้ว การท่องเที่ยวในต่างประเทศราวร้อยละ 60 ของชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่มีจุดหมายอยู่ที่ฮ่องกงและมาเก๊า ส่วนชาติ 4 อันดับแรกที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมไปได้แก่เกาหลีใต้ ไทย ไต้หวัน และญี่ปุ่น
“ ในปีนี้น่าจะเป็นแบบเดียวกัน แต่เราคาดว่า ทิศทางการเติบโตได้เปลี่ยนแปลงไป โดยญี่ปุ่นและไทยจะแซงขึ้นมา ส่วนเกาหลีและไต้หวันโดยทั่วไปแล้วไม่มีการเปลี่ยนแปลง สำหรับฮ่องกงและมาเก๊า ซึ่งเป็นจุดหมายยอดนิยมนั้น กำลังสูญเสียส่วนแบ่ง” แรมเบิร์กระบุ
บรรดานักวิคราะห์ชี้ว่า ค่าเงินเป็นประเด็นสำคัญในการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวว่าจะเดินทางไปชาติใด โดยภาวะปั่นป่วนของตลาดหุ้นจีนในช่วงฤดูร้อน และการอ่อนค่าของเงินหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ กว่าร้อยละ 3 เมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมา กำลังมีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวจีน ที่ชอบใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบจากการผูกติดของเงินดอลลาร์ฮ่องกงกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทำให้ดอลลาร์ฮ่องกงแข็งค่าขึ้น
ด้านเอมิลี ลี นักวิเคราะห์ของธนาคารบีเอ็นพี ปาริบาส์ระบุว่า การเติบโตของแบรนด์สินค้าเกาหลี ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ตลอดจนกระแสนิยมการช้อปปิ้งออนไลน์กำลังกระทบผู้ค้าปลีกของฮ่องกง เช่น ร้านซาซ่า และบองชูร์
ร้านทั้งสองเคยเป็นแหล่งช้อป ที่นักท่องเที่ยวจากแผ่นดินใหญ่จะต้องไปหาซื้อเครื่องสำอางค์ให้ได้ โดยแม้ร้านชื่อดังทั้งสองพยายามพลิกสถานการณ์ด้วยการเปิดขายสินค้าออนไลน์ แต่ยอดขายออนไลน์ของซาซ่ามีเพียงร้อยละ 4.5 ของยอดขายสินค้าทั้งหมดในปีนี้ และในส่วนของบองชูร์นั้นยอดขายออนไลน์มีไม่ถึงร้อยละ 2
