เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินวอนสังคมอย่าตั้งฉายาให้ท่านว่า “หลวงพี่ซีอีโอ” ท่ามกลางเสียงครหาเจ้าอาวาสกำกับดูแลวัดราวกับว่า กำลังบริหารธุรกิจ
“ อย่าเรียกอาตมาว่าซีอีโอเลยนะโยม ” หลวงจีน ซื่อ หย่งซิ่น ประมุขวัดเส้าหลินระบุในระหว่างเข้าร่วมการประชุมประจำปีสภาผู้แทนประชาชนจีนในกรุงปักกิ่ง โดยท่านซื่อ ซึ่งเป็นสมาชิกสภา ได้กล่าวนอกรอบการประชุมกับหนังสือพิมพ์เหอหนันบิสซิเนสเดลีว่า การเรียกพระภิกษุด้วยตำแหน่งทางโลก เช่น “ผู้จัดการทั่วไป” และ “ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร” (ซีอีโอ) เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
ทว่าสังคมตั้งข้อสังเกตว่า การออกมาเรียกร้องครั้งนี้ดูเหมือนเป็นการเปลี่ยนใจของท่านเองเสียมากกว่า เพราะท่านซื่อ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินมาตั้งแต่ปี 2542 เคยให้สัมภาษณ์ฟีนิกซ์ทีวีในฮ่องกงเมื่อปี 2550 ว่า ท่านยอมรับตำแหน่ง “ซีอีโอ” เพราะ “ มีความสะดวกในการอธิบาย สะดวกในการส่งเสริมเผยแพร่ และสะดวกในการสื่อสาร” เมื่อใดก็ตาม ที่ท่านเดินสายทำการตลาดวัดเส้าหลินในฐานะแบรนด์สถาบันฝึกมวยกังฟู
เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินเกิดไม่พึงพอใจฉายานี้ หลังจากเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กระหึ่มในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับความสำเร็จทางธุรกิจของวัดเส้าหลินในสมัยของเจ้าอาวาสคนปัจจุบัน ซึ่งทำให้เว็บไซต์ของวัดถูกแฮกมาหลายครั้ง
ท่านซื่อตกเป็นข่าวครึกโครม ซึ่งสังคมครหา ว่ามิใช่กิจของสงฆ์มาแล้วหลายครั้งหลายหน เช่น กรณีรับรถเก๋งหรูมูลค่า 1 ล้านหยวนจากรัฐบาลท้องถิ่นแห่งหนึ่ง หลังจากท่านมีส่วนช่วยเผยแพร่การท่องเที่ยวเมื่อปี 2549 หรือกรณีที่บอกว่าท่านเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวเมื่อปี 2556 และกรณีล่าสุดที่เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินเซ็นสัญญาซื้อที่ดินในเมืองโชลเฮเวน รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เพื่อสร้างคอมเพล็กซ์ศูนย์ปฏิบัติธรรมโครงการมูลค่า 297 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีทั้งวัด โรงแรมขนาด 500 เตียง โรงเรียนสอนกังฟู และสนามกอล์ฟ 27 หลุมอย่างครบวงจร
ภายใต้การนำของท่านซื่อ ชื่อเสียงของอารามเส้าหลินโด่งดังไปทั่วโลก และโครงการธุรกิจของวัดผุดขึ้นมากมาย เช่น การเช่าสถานที่ของวัดสำหรับจัดการแสดงกังฟู การถ่ายภาพยนตร์ การถ่ายรายการเรียลลิตี้ประกวดนางงามของสถานีโทรทัศน์ หรือการจำหน่ายสินค้าในอินเตอร์เน็ต ซึ่งคู่มือฝึกมวยกังฟูขายชุดละ 9,999 หยวน หรือราว 49,995 บาท
วัตรปฏิบัติของเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักในโซเชียลมีเดีย ในขณะที่เจ้าอาวาสขึ้นธรรมาสน์เทศน์สั่งสอนว่า การวิพากษ์วิจารณ์พระสงค์องค์เจ้าเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการทำลายชื่อเสียงของท่านเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำลายศาสนาพุทธอีกด้วย
ท่านซื่อกล่าวว่า ท่านเคยเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการถอดความเห็นเชิงลบเหล่านี้ในอินเตอร์เน็ต แต่ทางการกลับเพิกเฉยคำร้องขอนี้