เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์- กลุ่มผู้ประท้วงชาวฮ่องกงออกมาเดินขบวนในย่านถุนเหมินและซั่งสุ่ย เพื่อต่อต้านขาช็อปจากแผ่นดินใหญ่ รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลเปลี่ยนแปลงนโยบายการเดินทางเข้าฮ่องกงของคนกลุ่มนี้ จนเป็นเหตุให้เกิดการปะทะขึ้นอีกครั้ง
วานนี้ (8 มี.ค.) เกิดเหตุปะทะระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ประท้วงชาวฮ่องกงในย่านถุนเหมิน เนื่องจากผู้ประท้วงนับ 100 คน ออกมาต่อต้านการนำเข้าซ้อน (parallel trader) ที่เกิดจากการที่พ่อค้าแม่ค้าชาวจีนแผ่นดินใหญ่แห่เหมาซื้อของในฮ่องกงเพื่อไปขายต่อที่จีน จนทำให้เกิดการขาดแคลนของสินค้าทางตอนเหนือของฮ่องกง และแสดงความไม่พอใจที่พ่อเมืองของพวกเขา นายเหลียง เจิ้งอิง ไม่สามารถขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนนโยบายการเข้าฮ่องกงของชาวแผ่นดินใหญ่ได้
ก่อนหน้านี้ เมื่อสัปดาห์ก่อนก็เกิดเหตุการณ์ปะทะและจับกุมผู้ประท้วงเคลื่อนไหวเรื่องนี้ในย่านหยวนหลั่ง จากนั้นกลุ่มผู้ประท้วงจึงย้ายไปปักหลักในถันเหมินและซั่งสุ่ย อย่างไรก็ดี แม้ในโลกออนไลน์จะมีการเรียกร้องให้รวมตัวกันในซาทิน แต่ก็ไร้วี่แววการรวมตัวประท้วงในย่านดังกล่าว
ในตอนต้นของการประท้วง กลุ่มผู้ประท้วงพากันตะโกนและไล่เตะกระเป๋าสัมภาระของผู้สัญจรไปมาในพื้นที่ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้กระบองและสุนัขตำรวจเข้าระงับเหตุการณ์เผชิญหน้าอยู่หลายครั้ง
ในขณะที่ร้านรวงอย่างร้านขายทอง ร้านขายยา และร้านขายของอีกจำนวนมากในย่านถุนเหมิน ต่างพากันปิดทำการลงชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดจากการประท้วง
ผู้ประท้วงเริ่มขบวนจากย่านซั่งสุ่ย จากนั้นพากันเดินขบวนต่อจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินไปยังห้างสรรพสินค้า วี ซิตี้ (V City) และเมื่อเข้าสู่ถุนเหมิน ทาวน์ พลาซ่า (Tuen Mun Town Plaza) กลุ่มผู้ประท้วงก็มีอารมณ์โกรธขึ้งมากขึ้น บางคนวิ่งเข้าในร้านเครื่องประดับโชว์ ซางซาง และตะโกนใส่หน้าลูกค้าที่อยู่ในร้าน จนตำรวจต้องเข้าไประงับเหตุการณ์ และให้พนักงานปิดร้านเป็นการชั่วคราว
ต่อมา กลุ่มผู้ประท้วงพยายามเข้าไปขวางรถเมล์ที่มุ่งหน้าสู่เซินเจิ้น เบย์ ซึ่งเป็นจุดข้ามแดนไปยังแผ่นดินใหญ่ โดยระหว่างนั้นพวกเขาพากันตะโกนว่า “กำจัดการนำเข้าเชิงซ้อน ยกเลิกการอนุญาตเข้า-ออกฮ่องกงหลายครั้ง”
จนกระทั่งเวลาประมาณ 1 ทุ่ม การประท้วงก็เกิดความรุนแรงขึ้น เมื่อตำรวจพยายามสลายฝูงชนที่รวมตัวกันบริเวณรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยตำรวจใช้กระบองเข้าจับกุมผู้ประท้วงที่ขว้างปาขวดน้ำใส่เจ้าหน้าที่ฯ จนสามารถจับกุมผู้ประท้วงชายได้ 3 คนและหญิง 1 คน เนื่องจากทั้ง 4 ประทุษร้ายและขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการณ์นี้ เจ้าหน้าที่ 1 นาย ได้รับบาดเจ็บด้วย
หลังจากเหตุปะทะ กลุ่มผู้ประท้วงบางคนได้ย้ายไปยังจิม ซา จุ่ย ย่านช็อปปิ้งชื่อดังในหมู่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ จนเกิดการปะทะขึ้นอีกครั้ง บริเวณหอนาฬิกา (Clock Tower) ทำให้ตำรวจต้องจับกุมผู้ประท้วงเพิ่มอีก 2 ราย ตำรวจ ระบุ
ส่วนความเห็นของชาวจีนแผ่นดินใหญ่บางส่วน ที่เข้ามาในฮ่องกงช่วงเวลาดังกล่าว มีดังนี้ ยกตัวอย่างเช่น นายจาง ฉี ชาวเซินเจิ้นซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ตอนเช้าในย่านถุน เหมิน กล่าวว่า เขาเป็นแค่คนเข้ามาจับจ่ายซื้อของธรรมดา ไม่ใช่พวกนำเข้าซ้อน ไม่รู้ว่าทำไมผู้ประท้วงต้องวิ่งมาหาเขา “มันวุ่นวายมากที่นั่น ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยเลย และคงไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกแล้ว” นายจาง ซึ่งเข้ามาฮ่องกงประมาณปีละ 5 ครั้ง กล่าว
ด้านผู้ว่าการของเซินเจิ้น นายสีว์ ฉิน กล่าวไว้ในปักกิ่งว่า “ผมเชื่อว่านโยบายการจัดการเรื่องการข้ามแดนจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย อย่างเท่าเทียมและวางอยู่บนพื้นฐานที่เคารพซึ่งกันและกัน อันจะนำไปสู่การปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คนและความร่วมมือในเชิงลึกระหว่างทั้งสองฝ่ายต่อไปในอนาคต”
ในขณะที่นายเหลียง เจิ้งอิง ผู้ว่าการเกาะฮ่องกง กล่าวว่า การปรับนโยบาย “ไม่ใช่เรื่องง่าย” เพราะต้องได้รับความเห็นชอบจาก “รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น” ทั้งนี้นายเหลียง เจิ้งอิง ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะข้าม ไม่กล่าวคำว่าเซินเจิ้นออกมา
ในเดือนที่ผ่านมา (ก.พ.) พ่อเมืองฮ่องกง ระบุว่า เขาจะร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่ของแผ่นดินใหญ่ในการปรับนโยบายเกี่ยวกับการเดินทางเข้าออกของนักท่องเที่ยวประเภทเดินทางเอง อย่างไรก็ดี ไม่นานหลังจากนั้น กลุ่มผู้ค้าปลีกในฮ่องกงก็เคลื่อนไหวคัดค้านการหารือดังกล่าว เพราะเกรงว่าธุรกิจของตนจะได้รับผลกระทบ
นายจาง เสี่ยวหมิง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเทศสัมพันธ์กลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวเมื่อวันเสาร์ (7 ก.พ.) ว่าผู้ค้าที่กระทำการนำเข้าซ้อน 40 เปอร์เซ็นต์เป็นชาวแผ่นดินใหญ่ ส่วนอีก 60 เปอร์เซ็นต์เป็นชาวฮ่องกง นอกจากนี้ นายเหลียง เจิ้งอิงยังได้ยื่นร่างข้อเสนอเพื่อแก้ไขนโยบายการเดินทางเข้า-ออกฮ่องกงแก่รัฐบาลกลางแล้ว นายจาง ระบุ
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าผู้ประท้วงจะยังคงไม่พอใจในการทำงานของพ่อเมืองของตนเอง หลายคนเห็นว่า การเดินทางไปปักกิ่งของนายเหลียง เจิ้งอิงเมื่อสัปดาห์ก่อนล้มเหลว “อันที่จริง นายเหลียงสามารถหาคะแนนนิยมจากเรื่องนี้ได้ ด้วยการลดจำนวนนักท่องเที่ยวแผ่นดินใหญ่ที่จะเข้ามาในฮ่องกง” นางลิลี่ ผัง อาชีพแม่บ้านกล่าว “เขาไม่ควรเอาผลประโยชน์ของฮ่องกงออกไปขาย”