เดลีเมล์ สื่อต่างประเทศรายงาน (2 ธ.ค.) งานค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ของแองเจลโล พาราติโก้ นักประวัติศาสตร์ชาวอิตาเลียนที่อ้างว่า ลีโอนาร์โด ดาวินชี อัจฉริยบุคคลที่มีความสามารถหลากหลาย ในยุคเรอเนซองส์นี้ มีมารดาเป็นคนจีน
งานศึกษาของพาราติโก้ ระบุในหนังสือ Leonardo Da Vinci: A Chinese scholar lost in Renaissance Italy ซึ่งคาดว่าจะวางจำหน่ายปีหน้านี้ ว่าลีโอนาร์โด ดาวินชี มีความเกี่ยวพันกับดินแดนฝั่งตะวันออก
ทั้งนี้ กำเนิดดั้งเดิมของดาวินชีนั้น ยังมีความคลุมเครือทางประวัติศาสตร์ โดยที่คนส่วนใหญ่ทราบคือดาวินชีมีบิดาชื่อนายแซร์ ปีเอโร ดา วินชี เป็นเจ้าพนักงานรับรองเอกสารของรัฐ มารดาชื่อคาตารีนา เป็นสาวชาวนา แต่ประวัติของนางคาตารีนานี้ มีข้อมูลอ้างเพียงว่าเป็นทาสสาวจากประเทศแถบโลกตะวันออกในครอบครองของปีเอโร แต่ก็ไม่มีหลักฐานเด่นชัดอื่นใด
พาราติโก้ กล่าวกับเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ว่า จากข้อมูลจะพบว่ารากเหง้าของดาวินชีมาจากเอเชีย และสันนิษฐานว่ามารดาของเขาเป็นทาสชาวจีนในยุโรป ซึ่งหากจะพิสูจน์ให้แน่ชัดจะต้องใช้การอนุมานด้วยวิธีนิรนัย ( การแสดงเหตุผลจากส่วนรวมไปหาส่วนย่อย ข้อสรุปที่ได้มาด้วยวิธีนิรนัยเป็นข้อสรุปที่ต้องเป็นเช่นนั้น ถ้าเหตุผลเป็นจริง ข้อสรุปก็ต้องเป็นจริงเสมอไป)
พาราติโก้ ได้ชี้ประเด็นที่เป็นเงื่อนปมให้เชื่อว่าดาวินชีมีบรรพบุรุษเป็นชาวจีน อาทิ ลักษณะการเขียนตัวอักษรจากซ้ายไปขวา และยังเป็นมังสวิรัติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติในยุโรปสมัยนั้น อีกทั้งวิธีคิดหลายอย่างมีลักษณะเหมือนชาวตะวันออกมากกว่าชาวตะวันตก
นักประวัติศาสตร์ชาวอิตาเลียน อ้างคำกล่าวเมื่อปี ค.ศ. 1910 ซิกมันด์ ฟรอยด์ ในงานเขียน Leonardo da Vinci, A Memory of His Childhood โดยตั้งประเด็นว่า ภาพโมนาลิซ่า ของลีโอนาร์โด ดาวินชี ที่แท้คือรูปมารดาของดาวินชี นอกจากนั้นพาราติโก้ยังสังเกตว่า เมื่อดูทิวทัศน์ด้านหลังของโมนาลิซ่า จะเห็นว่าไม่ใช่ทิวทัศน์ยุโรป แต่เหมือนทิวทัศน์ประเทศจีน อีกทั้งใบหน้าของโมนาลิซ่า ก็เหมือนหญิงจีนมากกว่า
พาราติโก้ ซึ่งมีผลงานสืบค้นประวัติบุคคลในประวัติศาสตร์มาแล้วหลายเล่ม รวมทั้งงานเขียนเชิงนิยายประวัติศาสตร์ต่างๆ อาทิ 500 Years of Italians in Hong Kong & Macau และ งานแปลเอกสารประวัติศาสตร์เรื่อง Nero: An Exemplary Life รวมถึงนวนิยายเชิงประวัติศาสตร์ BEN ที่เล่าวัยหนุ่มของเจมส์ บอนด์ เชื่อว่า วิธีเดียวที่จะพิสูจน์ว่าข้อสันนิษฐานของเขาเป็นความจริง คงต้องใช้วิธีตรวจดีเอ็นเอจากกระดูกของทายาทผู้สืบเชื้อสายดาวินชี ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสุสานที่เมืองฟลอเรนซ์ อิตาลีเท่านั้น