เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์- ท่ามกลางความคึกคักทั่วแผ่นดินใหญ่ช่วงหยุดวันชาติสัปดาห์ที่ผ่าน ฮ่องกงกลับซบเซา โดยเฉพาะค้าปลีก ผู้เชี่ยวชาญชี้เป็นผลจากทั้งม็อบอ็อคคิวพายฯ และกระแสการท่องเที่ยวที่ซบเซา
สมาคมการจัดการค้าปลีกฮ่องกง เผยผลสำรวจวานนี้ (7 ต.ค.) ระบุ ในช่วงหยุดยาววันชาติจีนที่ผ่านมา การค้าปลีกของฮ่องกงตกลง 30-40 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงห้าวันแรก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่เปิดเกาะรับนักท่องเที่ยวจากแผ่นดินใหญ่ในปี 2548
นางแครอลีน มัก โส่ย เค็ง เลขาธิการสมาคมฯ ระบุว่า ทางสมาคมฯ ทำการสำรวจแบรนด์ค้าปลีกกว่า 30 เจ้า และร้านค้าของโรงงานขนาดเล็กหลายเจ้า พร้อมทั้งเตือนผู้ค้าปลีกว่า ปีนี้ เศรษฐกิจฮ่องกงอาจตกลง 3 เปอร์เซ็นต์จากที่คาดการณ์ไว้
“ฉันไม่โทษแค่การประท้วงของกลุ่มอ็อคคิวพาย เซ็นทรัล” นางมัก กล่าว “แรงซื้อจากคนในเกาะฯ ยังดีอยู่ เพราะยังไม่มีข่าวแง่ลบที่ทำให้ประชาชนกลัวจนไม่กล้าออกมาจับจ่าย แต่ปัญหามันอยู่ที่นักท่องเที่ยวจากแผ่นดินใหญ่มีกำลังซื้อน้อยลง”
ในขณะที่ตัวเลขกองตรวจคนเข้าเมืองของฮ่องกง ล่าสุดก็ชี้ให้เห็นว่า ระหว่างวันที่ 1-4 ต.ค.ที่ผ่านมา ประชาชนแผ่นดินใหญ่เข้ามาฮ่องกงเพิ่มแค่ 1.5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทั้งนี้ โดยทั่วไปแล้ว รายได้ค้าปลีกของฮ่องกง 40 เปอร์เซ็นต์มาจากแรงซื้อของประชาชนในแผ่นดินใหญ่
นางมัก กล่าวเพิ่มเติมว่า สินค้าที่ซบเซาคือ พวกแฟชั่นเสื้อผ้า นาฬิกา และเครื่องประดับ ซึ่งยอดตกลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนธุรกิจร้านอาหารและร้านฟาสฟู้ด ตกอย่างน้อย 25 เปอร์เซ็นต์
“เราคงต้องรอดูตัวเลขสิ้นเดือนนี้ และเดือนหน้าเทียบกับเดือนก่อน จึงจะรู้ว่าปีหน้าแนวโน้มจะมีหน้าตาอย่างไร” นางมัก กล่าว
ด้านรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ เกี่ยวกับผลกระทบจากการประท้วงของกลุ่มอ็อคคิวพายฯ ระบุมั่นใจว่าเศรษฐกิจของฮ่องกงยังทรงตัว ส่วนสัญญาณเรื่องการย้ายทุนหนีก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “การประท้วงมีผลต่อกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาวน้อยมาก” รายงานดังกล่าวระบุ “ธนาคารของอังกฤษเห็นว่า สถานการณ์ไม่ต่างจากปกติ”...และธนาคารของแดนผู้ดีเพียงแค่ 2 สาขาเท่านั้น ที่ปิดทำการในวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ส่วนสถานการณ์ทั่วไปของฮ่องกง ในช่วงสัปดาห์ก่อน ทางการฮ่องกงต้องเผชิญกับความวุ่นวายทางการเมือง เนื่องจากกลุ่มอ็อคคิวพาย เซ็นทรัลออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย กลุ่มผู้ประท้วงปิดถนนและย่านการค้าสำคัญของฮ่องกงหลายแห่ง อาทิ มงก๊ก จิมซาจุ่ย และคอสเวย์ เบย์
การประท้วงทำให้ร้านค้าปลีกหลายร้านต้องหยุดกิจการชั่วคราว ยกตัวอย่างเช่น ชอว์ ไท่ ฟูค (Chow Tai Fook) บริษัทค้าอัญมณีรายใหญ่ของฮ่องกง ก็สั่งปิด 22 สาขา ในวันที่ 1 ตุลาคม
ด้านมูลค่าการซื้อขายหุ้นสัปดาห์ก่อนก็เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย หุ้นของซาซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทขายเครื่องสำอางที่นักช็อปแผ่นดินใหญ่ชื่นชอบ สัปดาห์ก่อนตกจาก 5.32 เหรียญฮ่องกง เหลือ 5.14 เหรียญฯ แต่วานนี้ปิดตลาดที่ 5.31 เหรียญฯ (22.30 บาท)
อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจบางอย่างจะซบเซาในช่วงการประท้วง แต่ร้านขายยาแห่งหนึ่งในคอสเวย์ เบย์ กลับโชคดี “ในช่วงแรกของการประท้วง เราเป็นร้านเดียวที่เปิด เพราะฉะนั้นธุรกิจของเราดีกว่าปกติมาก” เจ้าของร้านขายยาบนถนน ยี่ หวอ กล่าว “แค่ขายน้ำเป็นขวดอย่างเดียวก็ได้ค่าเช่าทั้งเดือนแล้ว”
สมาคมการจัดการค้าปลีกฮ่องกง เผยผลสำรวจวานนี้ (7 ต.ค.) ระบุ ในช่วงหยุดยาววันชาติจีนที่ผ่านมา การค้าปลีกของฮ่องกงตกลง 30-40 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงห้าวันแรก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่เปิดเกาะรับนักท่องเที่ยวจากแผ่นดินใหญ่ในปี 2548
นางแครอลีน มัก โส่ย เค็ง เลขาธิการสมาคมฯ ระบุว่า ทางสมาคมฯ ทำการสำรวจแบรนด์ค้าปลีกกว่า 30 เจ้า และร้านค้าของโรงงานขนาดเล็กหลายเจ้า พร้อมทั้งเตือนผู้ค้าปลีกว่า ปีนี้ เศรษฐกิจฮ่องกงอาจตกลง 3 เปอร์เซ็นต์จากที่คาดการณ์ไว้
“ฉันไม่โทษแค่การประท้วงของกลุ่มอ็อคคิวพาย เซ็นทรัล” นางมัก กล่าว “แรงซื้อจากคนในเกาะฯ ยังดีอยู่ เพราะยังไม่มีข่าวแง่ลบที่ทำให้ประชาชนกลัวจนไม่กล้าออกมาจับจ่าย แต่ปัญหามันอยู่ที่นักท่องเที่ยวจากแผ่นดินใหญ่มีกำลังซื้อน้อยลง”
ในขณะที่ตัวเลขกองตรวจคนเข้าเมืองของฮ่องกง ล่าสุดก็ชี้ให้เห็นว่า ระหว่างวันที่ 1-4 ต.ค.ที่ผ่านมา ประชาชนแผ่นดินใหญ่เข้ามาฮ่องกงเพิ่มแค่ 1.5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทั้งนี้ โดยทั่วไปแล้ว รายได้ค้าปลีกของฮ่องกง 40 เปอร์เซ็นต์มาจากแรงซื้อของประชาชนในแผ่นดินใหญ่
นางมัก กล่าวเพิ่มเติมว่า สินค้าที่ซบเซาคือ พวกแฟชั่นเสื้อผ้า นาฬิกา และเครื่องประดับ ซึ่งยอดตกลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนธุรกิจร้านอาหารและร้านฟาสฟู้ด ตกอย่างน้อย 25 เปอร์เซ็นต์
“เราคงต้องรอดูตัวเลขสิ้นเดือนนี้ และเดือนหน้าเทียบกับเดือนก่อน จึงจะรู้ว่าปีหน้าแนวโน้มจะมีหน้าตาอย่างไร” นางมัก กล่าว
ด้านรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ เกี่ยวกับผลกระทบจากการประท้วงของกลุ่มอ็อคคิวพายฯ ระบุมั่นใจว่าเศรษฐกิจของฮ่องกงยังทรงตัว ส่วนสัญญาณเรื่องการย้ายทุนหนีก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “การประท้วงมีผลต่อกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาวน้อยมาก” รายงานดังกล่าวระบุ “ธนาคารของอังกฤษเห็นว่า สถานการณ์ไม่ต่างจากปกติ”...และธนาคารของแดนผู้ดีเพียงแค่ 2 สาขาเท่านั้น ที่ปิดทำการในวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ส่วนสถานการณ์ทั่วไปของฮ่องกง ในช่วงสัปดาห์ก่อน ทางการฮ่องกงต้องเผชิญกับความวุ่นวายทางการเมือง เนื่องจากกลุ่มอ็อคคิวพาย เซ็นทรัลออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย กลุ่มผู้ประท้วงปิดถนนและย่านการค้าสำคัญของฮ่องกงหลายแห่ง อาทิ มงก๊ก จิมซาจุ่ย และคอสเวย์ เบย์
การประท้วงทำให้ร้านค้าปลีกหลายร้านต้องหยุดกิจการชั่วคราว ยกตัวอย่างเช่น ชอว์ ไท่ ฟูค (Chow Tai Fook) บริษัทค้าอัญมณีรายใหญ่ของฮ่องกง ก็สั่งปิด 22 สาขา ในวันที่ 1 ตุลาคม
ด้านมูลค่าการซื้อขายหุ้นสัปดาห์ก่อนก็เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย หุ้นของซาซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทขายเครื่องสำอางที่นักช็อปแผ่นดินใหญ่ชื่นชอบ สัปดาห์ก่อนตกจาก 5.32 เหรียญฮ่องกง เหลือ 5.14 เหรียญฯ แต่วานนี้ปิดตลาดที่ 5.31 เหรียญฯ (22.30 บาท)
อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจบางอย่างจะซบเซาในช่วงการประท้วง แต่ร้านขายยาแห่งหนึ่งในคอสเวย์ เบย์ กลับโชคดี “ในช่วงแรกของการประท้วง เราเป็นร้านเดียวที่เปิด เพราะฉะนั้นธุรกิจของเราดีกว่าปกติมาก” เจ้าของร้านขายยาบนถนน ยี่ หวอ กล่าว “แค่ขายน้ำเป็นขวดอย่างเดียวก็ได้ค่าเช่าทั้งเดือนแล้ว”