เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์- ฮ่องกงประสบปัญหาคนลักลอบเข้าเมืองสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่มาจากเอเชียใต้ โดยใช้เส้นทางบก และหลบใช้เซินเจิ้นเป็นฐาน ก่อนล่องเรือข้ามเกาะ
รายงานสถานการณ์การลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายในฮ่องกง พบว่า ปีที่ผ่านมา (2556) มีผู้ลักลอบเข้าฮ่องกงอย่างผิดกฎหมายหลายร้อยคน ส่วนใหญ่ใช้เซินเจิ้นเป็นฐานก่อนลักลอบเข้ามาทางเรือ ซันเดย์ มอร์นิ่งโพสต์ รายงาน
ทั้งนี้ ทางการสามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองที่ใช้เส้นทางเซินเจิ้น แต่ไม่ใช่กลุ่มชาติพันธุ์จีนได้มากขึ้นถึงปีละ 50 เปอร์เซ็นต์ เฉพาะช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว (2556) ก็สามารถจับกุมได้ 291 คน ทว่าครึ่งปีที่ผ่านมานี้ (2557) ตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นถึง 447 คน
“ช่วงหน้าร้อนนี้ เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก มันก็เลยวุ่นวายกันเป็นพิเศษ” แหล่งข่าวจากตำรวจ ระบุ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ก็มั่นใจว่าจะสามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่แอบเข้ามาทางชายฝั่งตะวันตกและทางใต้ของเกาะลั่นโถวในตอนกลางคืน ได้ทั้งหมด
ผู้ลักลอบเข้าฮ่องกงอย่างผิดกฎหมาย ส่วนใหญ่มาจากเอเชียใต้ โดยเฉพาะบังคลาเทศและปากีสถาน พวกเขาใช้เส้นทางบกเข้าแผ่นดินใหญ่ จากนั้นก็มุ่งหน้าเข้าเซินเจิ้น ซึ่งที่เซินเจิ้นนี้เอง พวกเขาแต่ละคนต้องจ่ายเงินให้นายหน้า ประมาณ 40,000-48,000 บาท เพื่อนั่งเรือสำปั้นติดเครื่องยนต์ ลำละประมาณ 10-12 คน ข้ามไปลงยังต้า เอ้า หรือ เฟิน หลิว ในช่วงกลางคืน แหล่งข่าวและผู้อพยพจำนวนหนึ่งให้ข้อมูลไว้ และส่วนใหญ่ผู้อพยพจะใช้ชีวิตอยู่บนเรือ
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีรายงานตัวเลขผู้ที่หนีรอดการจับกุม ทว่า ผู้ที่ถูกจับกุมตัวได้จะถูกส่งไปยังสถานีตำรวจท้องถิ่น จากนั้นจะมีการส่งต่อไปยังกองตรวจคนเข้าเมืองของฮ่องกงในถุน เหมิน เพื่อประเมินการขอลี้ภัย ทั้งนี้ หากบางรายมีคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินฯ ก็จะถูกเนรเทศต่อไป
ชาวปากีสถานรายหนึ่งที่กำลังขอการลี้ภัย แต่ไม่ยินยอมเปิดเผยชื่อ ระบุว่า ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เขาต้องไปอยู่ที่เซินเจิ้นถึงสามรอบก่อนจะได้เข้ามาในฮ่องกง
ด้าน คามาล ชาวบังคลาเทศที่อาศัยอยู่ในฮ่องกง ระบุว่า ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา มีการใช้เซินเจิ้นเป็นฐานลักลอบเข้าเมืองเพิ่มขึ้น เพราะคนเอเชียใต้ขอวีซ่าเข้าฮ่องกงได้ยากขึ้น และในปี 2549 ที่ผ่านมา ก็มีการยกเลิกสิทธิของคนบังคลาเทศที่สามารถเข้าฮ่องกงได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า
“โปรดหยุดยั้งพวกเขา ไม่ให้เข้ามาเถอะ มันทั้งน่าขันและน่ากลัว” คามาล ผู้ซึ่งเห็นวัฏจักรที่เพื่อนร่วมชาติต้องถูกจับกุมตัวคนแล้วคนเล่าเมื่อเข้ามาถึงฮ่องกง กล่าว
อนึ่ง ผู้ลักลอบเข้าเมืองจากเอเชียใต้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถือเป็นพัฒนาการล่าสุดของประวัติศาสตร์การอพยพเข้าฮ่องกงอย่างผิดกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ ในปี 2482 หลังสงครามกลางเมืองในแผ่นดินใหญ่สิ้นสุดลง ฮ่องกงต้องรองรับคนจากแผ่นดินใหญ่นับล้าน ที่อพยพเข้ามาทั้งทางเรือ หรือกระทั่งว่ายน้ำข้ามเกาะ อย่างไรก็ดี สถานการณ์ของฮ่องกงในตอนนั้นขาดแคลนแรงงานเป็นอย่างมาก จึงมีการยินยอมให้ผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายอาศัยอยู่ในฮ่องกงได้
ต่อมา ในช่วงปี 2418-2543 ฮ่องกงก็กลายเป็นจุดหมายปลายทางของผู้อพยพอีกครั้ง เมื่อสงครามเวียดนามสิ้นสุดลง ชาวเวียดนามประมาณ 200,000 คน ต่างพากันลงเรืออพยพเข้าฮ่องกง โดยสองในสามของผู้อพยพฯ ใช้ฮ่องกงเป็นฐานก่อนอพยพไปตั้งรกรากที่อื่น ส่วนที่เหลือถูกส่งตัวกลับภูมิลำเนา
รายงานสถานการณ์การลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายในฮ่องกง พบว่า ปีที่ผ่านมา (2556) มีผู้ลักลอบเข้าฮ่องกงอย่างผิดกฎหมายหลายร้อยคน ส่วนใหญ่ใช้เซินเจิ้นเป็นฐานก่อนลักลอบเข้ามาทางเรือ ซันเดย์ มอร์นิ่งโพสต์ รายงาน
ทั้งนี้ ทางการสามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองที่ใช้เส้นทางเซินเจิ้น แต่ไม่ใช่กลุ่มชาติพันธุ์จีนได้มากขึ้นถึงปีละ 50 เปอร์เซ็นต์ เฉพาะช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว (2556) ก็สามารถจับกุมได้ 291 คน ทว่าครึ่งปีที่ผ่านมานี้ (2557) ตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นถึง 447 คน
“ช่วงหน้าร้อนนี้ เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก มันก็เลยวุ่นวายกันเป็นพิเศษ” แหล่งข่าวจากตำรวจ ระบุ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ก็มั่นใจว่าจะสามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่แอบเข้ามาทางชายฝั่งตะวันตกและทางใต้ของเกาะลั่นโถวในตอนกลางคืน ได้ทั้งหมด
ผู้ลักลอบเข้าฮ่องกงอย่างผิดกฎหมาย ส่วนใหญ่มาจากเอเชียใต้ โดยเฉพาะบังคลาเทศและปากีสถาน พวกเขาใช้เส้นทางบกเข้าแผ่นดินใหญ่ จากนั้นก็มุ่งหน้าเข้าเซินเจิ้น ซึ่งที่เซินเจิ้นนี้เอง พวกเขาแต่ละคนต้องจ่ายเงินให้นายหน้า ประมาณ 40,000-48,000 บาท เพื่อนั่งเรือสำปั้นติดเครื่องยนต์ ลำละประมาณ 10-12 คน ข้ามไปลงยังต้า เอ้า หรือ เฟิน หลิว ในช่วงกลางคืน แหล่งข่าวและผู้อพยพจำนวนหนึ่งให้ข้อมูลไว้ และส่วนใหญ่ผู้อพยพจะใช้ชีวิตอยู่บนเรือ
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีรายงานตัวเลขผู้ที่หนีรอดการจับกุม ทว่า ผู้ที่ถูกจับกุมตัวได้จะถูกส่งไปยังสถานีตำรวจท้องถิ่น จากนั้นจะมีการส่งต่อไปยังกองตรวจคนเข้าเมืองของฮ่องกงในถุน เหมิน เพื่อประเมินการขอลี้ภัย ทั้งนี้ หากบางรายมีคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินฯ ก็จะถูกเนรเทศต่อไป
ชาวปากีสถานรายหนึ่งที่กำลังขอการลี้ภัย แต่ไม่ยินยอมเปิดเผยชื่อ ระบุว่า ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เขาต้องไปอยู่ที่เซินเจิ้นถึงสามรอบก่อนจะได้เข้ามาในฮ่องกง
ด้าน คามาล ชาวบังคลาเทศที่อาศัยอยู่ในฮ่องกง ระบุว่า ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา มีการใช้เซินเจิ้นเป็นฐานลักลอบเข้าเมืองเพิ่มขึ้น เพราะคนเอเชียใต้ขอวีซ่าเข้าฮ่องกงได้ยากขึ้น และในปี 2549 ที่ผ่านมา ก็มีการยกเลิกสิทธิของคนบังคลาเทศที่สามารถเข้าฮ่องกงได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า
“โปรดหยุดยั้งพวกเขา ไม่ให้เข้ามาเถอะ มันทั้งน่าขันและน่ากลัว” คามาล ผู้ซึ่งเห็นวัฏจักรที่เพื่อนร่วมชาติต้องถูกจับกุมตัวคนแล้วคนเล่าเมื่อเข้ามาถึงฮ่องกง กล่าว
อนึ่ง ผู้ลักลอบเข้าเมืองจากเอเชียใต้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถือเป็นพัฒนาการล่าสุดของประวัติศาสตร์การอพยพเข้าฮ่องกงอย่างผิดกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ ในปี 2482 หลังสงครามกลางเมืองในแผ่นดินใหญ่สิ้นสุดลง ฮ่องกงต้องรองรับคนจากแผ่นดินใหญ่นับล้าน ที่อพยพเข้ามาทั้งทางเรือ หรือกระทั่งว่ายน้ำข้ามเกาะ อย่างไรก็ดี สถานการณ์ของฮ่องกงในตอนนั้นขาดแคลนแรงงานเป็นอย่างมาก จึงมีการยินยอมให้ผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายอาศัยอยู่ในฮ่องกงได้
ต่อมา ในช่วงปี 2418-2543 ฮ่องกงก็กลายเป็นจุดหมายปลายทางของผู้อพยพอีกครั้ง เมื่อสงครามเวียดนามสิ้นสุดลง ชาวเวียดนามประมาณ 200,000 คน ต่างพากันลงเรืออพยพเข้าฮ่องกง โดยสองในสามของผู้อพยพฯ ใช้ฮ่องกงเป็นฐานก่อนอพยพไปตั้งรกรากที่อื่น ส่วนที่เหลือถูกส่งตัวกลับภูมิลำเนา
