เอเอฟพี- หมดเวลาของเทอร์มิเนเตอร์ ตอนนี้ถึงเวลาจิบชากันแล้ว ร้านอาหารในจีนจึงจัดเต็ม ใช้หุ่นยนต์นับสิบตัว ทั้งทำอาหารและเดินเสิร์ฟ เรียกลูกค้า
เอเอฟพีรายงาน (14 ส.ค.) ร้านอาหารเมืองคุนชาน ในเจียงซู เพิ่งเปิดให้บริการไปสัปดาห์ที่ผ่านมา เรียกเสียงฮือฮาเพราะใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนมนุษย์สิบกว่าตัว ทั้งต้อนรับลูกค้า เสิร์ฟอาหาร ผัดผักผัดเนื้ออยู่ในครัว
“ลูกสาวผม ขอให้สร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาเพราะเธอไม่ชอบทำงานบ้าน” นายสง ยู่กัง เจ้าของร้านกล่าวกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพี
ร้านของนายสงใช้หุ่นยนต์ 2 ตัว ต้อนรับแขกอยู่ที่ประตู และหุ่นแอนดรอยด์ตัวเล็ก 4 ตัวเดินเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้า ส่วนในห้องครัว มีหุ่นยนต์สีฟ้า ตาสีแดง สองตัวทำหน้าที่เชฟ เชี่ยวชาญการผัดทอด ส่วนที่เหลือมีหน้าที่ปั้นเกี๊ยว
นายสง กล่าวกับโมเดิร์น ไทส์ม สื่อท้องถิ่น ระบุว่า หุ่นยนต์แต่ละตัวราคาราวๆ 40,000 หยวน หรือประมาณ 2 แสนบาท เทียบกันแล้วก็พอๆ กับรายได้ต่อปีของพนักงานที่เป็นมนุษย์
“หุ่นยนต์จดจำประโยคคำสั่งทั่วๆไปได้ 40 ประโยค ไม่ป่วย ไม่ลาพักร้อน ชาร์ตไฟไว้แค่สองชั่วโมง ทำงานได้ถึงห้าชั่วโมง” นายสง กล่าวเพิ่มเติม
ปัจจุบัน จีนหันมาพึ่งแรงงานหุ่นยนต์กันมาก หลังประสบปัญหาต้นทุนค่าแรงมนุษย์สูงขึ้น ทำให้ปีที่ผ่านมา (2556) จีนกลายเป็นประเทศที่ใช้หุ่นยนต์มากที่สุดในโลก เหนือกว่าญี่ปุ่น โดยก่อนหน้านี้ ร้านอาหารแห่งหนึ่งในฮาร์ปิน ซึ่งเปิดให้บริการไปเมื่อปี 2555 ก็ใช้หุ่นยนต์ทำงานในลักษณะเดียวกันนี้
อย่างไรก็ตาม แม้หุ่นยนต์จะมีข้อจำกัด ทั้งด้านรูปลักษณ์องค์ประกอบ อย่างเช่น หุ่นยนต์เชฟที่ทำงานในครัวยังต้องพึ่งมนุษย์ช่วยใส่ส่วนผสมให้ หรือ หุ่นยนต์เด็กเสิรฟ์ที่สามารถหมุนหัวได้รอบตัว วิ่งได้แค่บนเส้นทางที่กำหนด เมื่อเจอสิ่งกีดขวางทาง ก็จะขอภัยลูกค้าอย่างสุภาพ แต่ลูกค้าผู้หิวโหยก็ตื่นเต้นกับประสบการณ์แปลกใหม่ ที่ได้กินไข่เจียวมะเขือเทศ ซุป และข้าว ฝีมือเชฟหุ่นยนต์
“ลูกๆของฉันตื่นเต้นกันมากเลยที่ได้เห็นหุ่นยนต์” นางหยาง หลี่เม่ย คุณแม่ลูกสามกล่าว
“ผมไม่เคยเห็นหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารมาก่อนเลย” หยวน หยวน วัย 9 ขวบ กล่าว “ผมตื่นเต้นมาครับ”
เอเอฟพีรายงาน (14 ส.ค.) ร้านอาหารเมืองคุนชาน ในเจียงซู เพิ่งเปิดให้บริการไปสัปดาห์ที่ผ่านมา เรียกเสียงฮือฮาเพราะใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนมนุษย์สิบกว่าตัว ทั้งต้อนรับลูกค้า เสิร์ฟอาหาร ผัดผักผัดเนื้ออยู่ในครัว
“ลูกสาวผม ขอให้สร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาเพราะเธอไม่ชอบทำงานบ้าน” นายสง ยู่กัง เจ้าของร้านกล่าวกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพี
ร้านของนายสงใช้หุ่นยนต์ 2 ตัว ต้อนรับแขกอยู่ที่ประตู และหุ่นแอนดรอยด์ตัวเล็ก 4 ตัวเดินเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้า ส่วนในห้องครัว มีหุ่นยนต์สีฟ้า ตาสีแดง สองตัวทำหน้าที่เชฟ เชี่ยวชาญการผัดทอด ส่วนที่เหลือมีหน้าที่ปั้นเกี๊ยว
นายสง กล่าวกับโมเดิร์น ไทส์ม สื่อท้องถิ่น ระบุว่า หุ่นยนต์แต่ละตัวราคาราวๆ 40,000 หยวน หรือประมาณ 2 แสนบาท เทียบกันแล้วก็พอๆ กับรายได้ต่อปีของพนักงานที่เป็นมนุษย์
“หุ่นยนต์จดจำประโยคคำสั่งทั่วๆไปได้ 40 ประโยค ไม่ป่วย ไม่ลาพักร้อน ชาร์ตไฟไว้แค่สองชั่วโมง ทำงานได้ถึงห้าชั่วโมง” นายสง กล่าวเพิ่มเติม
ปัจจุบัน จีนหันมาพึ่งแรงงานหุ่นยนต์กันมาก หลังประสบปัญหาต้นทุนค่าแรงมนุษย์สูงขึ้น ทำให้ปีที่ผ่านมา (2556) จีนกลายเป็นประเทศที่ใช้หุ่นยนต์มากที่สุดในโลก เหนือกว่าญี่ปุ่น โดยก่อนหน้านี้ ร้านอาหารแห่งหนึ่งในฮาร์ปิน ซึ่งเปิดให้บริการไปเมื่อปี 2555 ก็ใช้หุ่นยนต์ทำงานในลักษณะเดียวกันนี้
อย่างไรก็ตาม แม้หุ่นยนต์จะมีข้อจำกัด ทั้งด้านรูปลักษณ์องค์ประกอบ อย่างเช่น หุ่นยนต์เชฟที่ทำงานในครัวยังต้องพึ่งมนุษย์ช่วยใส่ส่วนผสมให้ หรือ หุ่นยนต์เด็กเสิรฟ์ที่สามารถหมุนหัวได้รอบตัว วิ่งได้แค่บนเส้นทางที่กำหนด เมื่อเจอสิ่งกีดขวางทาง ก็จะขอภัยลูกค้าอย่างสุภาพ แต่ลูกค้าผู้หิวโหยก็ตื่นเต้นกับประสบการณ์แปลกใหม่ ที่ได้กินไข่เจียวมะเขือเทศ ซุป และข้าว ฝีมือเชฟหุ่นยนต์
“ลูกๆของฉันตื่นเต้นกันมากเลยที่ได้เห็นหุ่นยนต์” นางหยาง หลี่เม่ย คุณแม่ลูกสามกล่าว
“ผมไม่เคยเห็นหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารมาก่อนเลย” หยวน หยวน วัย 9 ขวบ กล่าว “ผมตื่นเต้นมาครับ”
