เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์- วานนี้ (18 พ.ค.) เกิดเหตุแท็งบรรจุสารเคมีพลิกคว่ำ ทำให้เตตระคลอโรเอทิลีน กว่า 8 ตันทะลักลงสู่แม่น้ำหังโจว ในเมืองฟู่หยาง เจ้าหน้าที่ต้องตัดน้ำประปาหลายชั่วโมงเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้น ในเมืองฟู่หยาง มณฑลเจ้อเจียง เช้ามืดของวานนี้ (18 พ.ค.) แทงค์บรรจุสารเคมีเกือบ 26 ตันพลิกคว่ำ แต่โชคดีที่ส่วนใหญ่ถูกกั้นและซับไว้ก่อนลงสู่แม่น้ำ
หลังจากที่รัฐบาลเมืองฟู่หยาง ได้รับแจ้งจากฝ่ายปกป้องสิ่งแวดล้อม (environmental protection department) ในหังโจว ก็ตัดสินใจตัดน้ำประปาในตอนบ่ายของวันเดียวกัน ซินหวารายงาน
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุ มีการสั่งระงับการทำประมง ตลอดลำน้ำฟู่ฉุนเป็นการชั่วคราว
ส่วนน้ำประปาก็สามารถกลับมาใช้ได้ดังเดิม หลังหยุดให้บริการนาน 3 ชั่วโมง ในขณะที่น้ำประปาที่ไหลเข้าสู่หังโจวไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ซินหวารายงาน
สารเตตระคลอโรเอทิลีน ที่ทะลักลงสู่แม่น้ำครั้งนี้ เป็นสารระเหยที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในแวดวงอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นตัวช่วยทำความสะอาด ขจัดคราบไขมันและคราบสิ่งสกปรกได้ดี และอีกทั้งยังเป็นตัวทำละลาย แต่หากสูดดมเข้าไปจะมีฤทธิ์ทำลายอวัยวะภายในและระบบประสาท
การรับสารเคมีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ หน่วยปกป้องด้านสิ่งแวดล้อมสหรัฐ ระบุ
ในขณะที่ นายฉิว ตงตง แพทย์โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนเมืองฟู่หยาง กล่าวว่า อุบัติเหตุดังกล่าวมีผลกระทบในวงจำกัด
“แต่ละบ้านส่วนใหญ่ซื้อน้ำเป็นขวดดื่ม” นายฉิวกล่าว “ตามชนบทก็มีตาน้ำหลายแห่ง และเท่าที่ผมได้ยินมา บางคนก็ขับรถออกไปไกลมากกว่า 10 กิโลเมตร เพื่อขนน้ำกลับมา”
นอกจากนี้ เมื่อเขาออกไปซื้อน้ำดื่มในซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็พบว่า ราคาน้ำบรรจุขวดยังไม่สูงขึ้น หลังจากที่เจ้าหน้าที่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวออกมา
ด้านนายหม่า จวิ๋น หัวหน้าสถาบันกิจการสาธารณะและสิ่งแวดล้อม ระบุ ความหวั่นวิตกเรื่องสารปนเปื้อนในแม่น้ำซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการใช้และการขนย้ายสารเคมีอันตราย ที่มีอยู่ทั่วประเทศ ให้สาธารณชนรับรู้มากขึ้น
“จีนถือเป็นโรงงานของโลก จึงใช้สารเคมีอันตรายจำนวนมหาศาล” นายหม่ากล่าว “หากไม่มีระบบการรายงานข้อมูล ประชาชนก็จะไม่ค่อยรู้ว่าตนเองอยู่ในความเสี่ยงจนกระทั่งมันเกิดเหตุขึ้นมา”
อนึ่ง เหตุการณ์สารเคมีปนเปื้อนในแม่น้ำลำธาร เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในจีน ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งในเมืองหลานโจว มณฑลกานซู่ เมืองอู่ฮั่นใน มณฑลหูเป่ย และในจินเจียง มณฑลเจียงซู ทำให้หลายฝ่ายแสดงความวิตกกังวลกับสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมของจีนเป็นอย่างมาก
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้น ในเมืองฟู่หยาง มณฑลเจ้อเจียง เช้ามืดของวานนี้ (18 พ.ค.) แทงค์บรรจุสารเคมีเกือบ 26 ตันพลิกคว่ำ แต่โชคดีที่ส่วนใหญ่ถูกกั้นและซับไว้ก่อนลงสู่แม่น้ำ
หลังจากที่รัฐบาลเมืองฟู่หยาง ได้รับแจ้งจากฝ่ายปกป้องสิ่งแวดล้อม (environmental protection department) ในหังโจว ก็ตัดสินใจตัดน้ำประปาในตอนบ่ายของวันเดียวกัน ซินหวารายงาน
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุ มีการสั่งระงับการทำประมง ตลอดลำน้ำฟู่ฉุนเป็นการชั่วคราว
ส่วนน้ำประปาก็สามารถกลับมาใช้ได้ดังเดิม หลังหยุดให้บริการนาน 3 ชั่วโมง ในขณะที่น้ำประปาที่ไหลเข้าสู่หังโจวไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ซินหวารายงาน
สารเตตระคลอโรเอทิลีน ที่ทะลักลงสู่แม่น้ำครั้งนี้ เป็นสารระเหยที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในแวดวงอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นตัวช่วยทำความสะอาด ขจัดคราบไขมันและคราบสิ่งสกปรกได้ดี และอีกทั้งยังเป็นตัวทำละลาย แต่หากสูดดมเข้าไปจะมีฤทธิ์ทำลายอวัยวะภายในและระบบประสาท
การรับสารเคมีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ หน่วยปกป้องด้านสิ่งแวดล้อมสหรัฐ ระบุ
ในขณะที่ นายฉิว ตงตง แพทย์โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนเมืองฟู่หยาง กล่าวว่า อุบัติเหตุดังกล่าวมีผลกระทบในวงจำกัด
“แต่ละบ้านส่วนใหญ่ซื้อน้ำเป็นขวดดื่ม” นายฉิวกล่าว “ตามชนบทก็มีตาน้ำหลายแห่ง และเท่าที่ผมได้ยินมา บางคนก็ขับรถออกไปไกลมากกว่า 10 กิโลเมตร เพื่อขนน้ำกลับมา”
นอกจากนี้ เมื่อเขาออกไปซื้อน้ำดื่มในซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็พบว่า ราคาน้ำบรรจุขวดยังไม่สูงขึ้น หลังจากที่เจ้าหน้าที่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวออกมา
ด้านนายหม่า จวิ๋น หัวหน้าสถาบันกิจการสาธารณะและสิ่งแวดล้อม ระบุ ความหวั่นวิตกเรื่องสารปนเปื้อนในแม่น้ำซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการใช้และการขนย้ายสารเคมีอันตราย ที่มีอยู่ทั่วประเทศ ให้สาธารณชนรับรู้มากขึ้น
“จีนถือเป็นโรงงานของโลก จึงใช้สารเคมีอันตรายจำนวนมหาศาล” นายหม่ากล่าว “หากไม่มีระบบการรายงานข้อมูล ประชาชนก็จะไม่ค่อยรู้ว่าตนเองอยู่ในความเสี่ยงจนกระทั่งมันเกิดเหตุขึ้นมา”
อนึ่ง เหตุการณ์สารเคมีปนเปื้อนในแม่น้ำลำธาร เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในจีน ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งในเมืองหลานโจว มณฑลกานซู่ เมืองอู่ฮั่นใน มณฑลหูเป่ย และในจินเจียง มณฑลเจียงซู ทำให้หลายฝ่ายแสดงความวิตกกังวลกับสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมของจีนเป็นอย่างมาก