เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์--ผลการสำรวจที่จัดทำเมื่อเร็วๆนี้ ระบุว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ยังคงไม่ปลื้มจีน แต่ยอมรับจีนเป็นชาติอำนาจเศรษฐกิจชั้นนำของโลก
การสำรวจโดยฝ่ายกิจการโลก (World Affairs) ของยักษ์ใหญ่การวิจัย แกลลัพ โพล (Gallup) จัดทำระหว่างวันที่ 6-9 ก.พ.ที่ผ่านมา รวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ชาวอเมริกันทั่วสหรัฐฯ กว่า 1,000 คน
ผลปรากฏว่า 43 เปอร์เซ็นต์ พอใจและต้อนรับจีน ขณะที่ 53 เปอร์เซ็นต์ ไม่ชอบประเทศจีน
นอกจากนี้ มี 52 เปอร์เซ็นต์ บอกว่าพวกเขานับถือจีนเป็นชาติอำนาจเศรษฐกิจชั้นนำของโลก และมีเพียง 31 เปอร์เซ็นต์ ที่บอกว่า เศรษฐกิจจีนก็พอๆกับสหรัฐฯ
จากการสำรวจของ แกลลัพ โพล ยังพบว่า ชาวอเมริกัน 52 เปอร์เซ็นต์ มีความโน้มเอียงคิดว่าเศรษฐกิจจีนจะหั่นผลประโยชน์ของสหรัฐฯในทศวรรษหน้า ขณะที่ 46 เปอร์เซ็นต์ มองว่ากองทัพมังกรจะเป็นภัยคุกคามต่อวอชิงตันมากกว่า
นาย แอนดริว ดูร์เกน (Andrew Durgan) ระบุในบทวิเคราะห์ของเขาที่เขียนให้แก่ แกลลัพ โพล “จากผลการสำรวจนี้ ได้บ่งชี้ว่าชาวอเมริกันมองว่าอิทธิพลจีนกำลังโตวันโตคืนบนเวทีเศรษฐกิจ
“ในปี 2554 มีชาวอเมริกันเพียง 1 ใน 10 คนเท่านั้น ที่ยอมรับจีนเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจ แต่ขณะนี้ กลายเป็น “ส่วนใหญ่” ที่เชื่อเช่นนั้น เนื่องเพราะว่าผลประกอบการเศรษฐกิจมังกรในช่วง 13 ปีมานี้ มักขยายตัวในระดับตัวเลขสองหลัก ขณะที่สหรัฐฯตามหลังต้อยๆ และยังต้องมาจมปลักอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจ”
ในบทความของนาย ดูร์เกนยังบอกว่า อเมริกันหลายคนมีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจมังกรขายายใหญ่ขึ้นๆและทอดเงาดำคุกคามอเมริกัน ขณะที่ก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่มองการเรืองอำนาจจีน เป็น “โอกาส”
“ทัศนะการมองจีนในเชิงลบอันเป็นผลจากเหตุการณ์ปราบนักศึกษาที่เทียนอันเหมิน และความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐฯ ได้แผ่วลง ขณะนี้แม้มีชาวอเมริกันที่ไม่ชอบจีนอยู่ทั่วไป ก็มีชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นที่มองจีนเป็นเพื่อนหรือพันธมิตร มากกว่าศัตรู
“ทัศนคติอเมริกันชนเปลี่ยนไปโดยได้หันมามองการเรืองอำนาจของเอเชียนั้น จะพิสูจน์ความเป็นไปได้ของ “โอกาส” หรือ “อันตราย” ความเชื่อของชาวอเมริกันอยู่บนฐานความเป็นจริงมากกขึ้น
ทั้งนี้ แกลลัพ โพล ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นสู่จีนของชาวอเมริกันตั้งแต่เมื่อปี 2522 ในตอนนั้น 64 เปอร์เซ็นต์ ของผู้อาศัยในแดนลุงแซม บอกว่าพวกเขามีทัศนคติที่ดีกับจีน ผลการสำรวจนี้ยังคงไม่มีเปลี่ยนแปลงไปมากจนกระทั่งปี 2532 ซึ่งเป็นปีที่เกิดเหตุการณ์ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยโดยนักศึกษาและประชาชน และจบลงด้วยการที่รัฐบาลนำกองทัพเข้ามาปราบปรามจนเกิดเหตุนองเลือดใหญ่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เหตุการณ์ฯนี้ทำให้ทัศนคติกับจีนในแดนพญาอินทรี ตกฮวบลงไปที่ 34 เปอร์เซ็นต์.