เอเอฟพี- ผลสำรวจของมูลนิธิคาร์เนกี้เพื่อสันติภาพโลก (Carnegie Endowment for International Peace) ระบุ ชาวจีนและชาวอเมริกันมีความไม่ไว้วางใจกันก็จริง แต่มีจำนวนน้อย ที่มองว่า อีกฝ่ายเป็นศัตรู
จากผลสำรวจ ซึ่งเป็นการสอบถามความคิดเห็นในหมู่ประชาชนทั่วไปและกลุ่มชนชั้นนำในทั้งสองประเทศ พบว่า ผู้คนส่วนใหญ่ในชาติเศรษฐกิจรายใหญ่ทั้งสองของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวจีนต่างสงสัยว่า อีกฝ่ายมีความน่าไว้เนื้อเชื่อใจจริงหรือ นอกจากนั้น ในหมู่ชนชั้นนำส่วนใหญ่ของทั้งสองชาติเห็นว่า อีกฝ่ายเป็นคู่แข่ง
แต่มีเพียงชาวอเมริกันทั่วไปร้อยละ 15 และชาวจีนทั่วไปร้อยละ 12 เท่านั้นที่เห็นว่า อีกฝ่ายเป็นศัตรู
นายไมเคิล สเวน หัวหน้าคณะผู้เขียนงานศึกษาชิ้นนี้ระบุว่า แม้มีความคลางแคลงใจกันสูง แต่ทั้งสองฝ่ายก็ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงความสัมพันธ์และร่วมมือกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
งานสำรวจของมูลนิธิคาร์เนกี้ครั้งนี้นับเป็นงานที่มองทัศนคติของกลุ่มชนชั้นนำของจีน ที่มีอิทธิพล ทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล อดีตนายทหาร ที่เกษียณอายุการทำงาน ผู้นำธุรกิจ นักวิชาการและนักหนังสือพิมพ์ ได้อย่างครอบคลุมมากที่สุดชิ้นหนึ่ง โดยสำรวจชาวจีนทั่วไป 2,597 คน และชนชั้นนำ 358 คน ระหว่างเดือนพ.ค.-ก.ค. ปี 2555
สำหรับในสหรัฐฯ มีการสำรวจประชาชน 1,004 คน และชนชั้นนำ 305 คนระหว่างเดือนมี.ค.-พ.ค. 2555
ประเด็นหนึ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นขัดแย้งกันได้แก่ประเด็นไต้หวัน ซึ่งจีนถือเป็นจังหวัดหนึ่งของตนนั้น ประชาชนทั่วไปและชนชั้นนำในจีนจำนวนมากแสดงความวิตกอย่างมากกรณีสหรัฐฯ ขายอาวุธให้ไต้หวัน แต่ในความเห็นของชาวอเมริกัน ไต้หวันแทบจะไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเลย
ขณะเดียวกันชนชั้นนำของสหรัฐฯ มีน้ำเสียงตกใจมากขึ้น ที่จีนแฮกข้อมูลและขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ
ผลสำรวจยังพบด้วยว่า ชาวอเมริกันมีแนวโน้มกล้าวิพากษ์วิจารณ์ตนเองมากกว่าชาวจีน โดยชาวจีนส่วนใหญ่บรรยายลักษณะของชาวอเมริกันว่า ก้าวร้าว ยะโสโอหัง และละโมบ ซึ่งชาวอเมริกันส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า พวกตนมีลักษณะดังกล่าวจริง แต่ก็มิได้บอกว่า ชาวจีนมีลักษณะที่แย่แบบเดียวกันนี้ด้วย