เอเยนซี - ทหารจีน จุดไฟเผา ทำลายอาณาจักรแตนมรณะ ขนาด 1.5 เมตร ต้นเหตุมรณะของชาวบ้านกว่า 42 คน และบาดเจ็บกว่า 1,600 คน ผู้เชี่ยวชาญฯ ชี้ การยกทัพบุกทำร้ายคน ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมชาติ
สื่อต่างประเทศ รายงาน (18 ต.ค.) ว่าทางการจีนได้เผาทำลาย "รังแตนเพชรฆาต" ในเมืองเจียงจิ้ง ทางตอนเหนือของประเทศแล้ว หลังจาก พยายามใช้วิธีการต่างๆ เพื่อไล่มันหนีไปแต่ไม่สำเร็จ
รายงานข่าวกล่าวว่า เจ้าหน้าที่จีนได้เผาทำลายรังแตนขนาดมหึมา หลังอาละวาดทำรายชาวบ้านในมณฑลส่านซี จนเสียชีวิต 42 คน และบาดเจ็บกว่า 1,600 คนจากพิษเหล็กในทั่วร่างกาย เมื่อ 3 เดือนก่อน โดยบางคนถูกต่อยมากกว่า 200 ครั้ง ซึ่งแพทย์จากโรงพยาบาลท้องถิ่นกล่าวว่า แตนที่ทำร้ายผู้คนเหล่านี้ เป็นแตนยักษ์สายพันธุ์เวสปาแมนดาริเนีย ชนิดที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีพิษร้ายกาจ โดยเฉพาะกับผู้ที่แพ้รุนแรง แตนสายพันธุ์นี้ชอบทำรังอยู่ในตอไม้ หรือใต้พื้นดิน ทำให้มองเห็นรังมันยาก
รายงานระบุว่า รังแตนดังกล่าว มีขนาดกว้างถึง 1.5 เมตร อยู่บนต้นไม้แห่งหนึ่ง โดยชาวบ้านได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทำลายรังดังกล่าว หลังยกทัพ ทำร้ายชาวบ้านในพื้นที่ จนมีผู้เสียชีวิต 42 ราย และบาดเจ็บกว่า 1,600 คน โดยในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ฯ ซึ่งเป็นปฏิบัติการของหน่วยงานทหารได้พยายามใช้วิธีขับไล่ต่างๆ นานา เพื่อให้บรรดาแตนยักษ์ขนาดหัวแม่มือเหล่านี้ ย้ายหนีไปพ้นหมู่บ้าน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถขับพวกมันออกจากรังขนาดอาณาจักรมหึมานี้ได้อย่างเด็ดขาด จนที่สุดจึงใช้มาตรการเด็ดขาด จุดไฟเผารังดังกล่าวจนสิ้นภายในเวลาสั้นๆ เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายกับใครอีกต่อไป
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ปรากฎการณ์แตนบุกทำร้ายคนนี้ น่าจะเป็นผลมาจากการรุกป่าเข้าไปในพื้นที่หากิน และสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงของโลกด้วย ซึ่งทุกวันนี้ มีแมลงจำนวนมากมายหลายพันธุ์ที่ค่อยๆ สูญไปโดยไม่รู้ตัว วงจรนิเวศน์ของพวกแตนเหล่านี้ จะออกล่าผึ้งป่าด้วยการกัดทำลายส่วนหัว ปีกและขา ก่อนจะนำเฉพาะลำตัวของผึ้งเหล่านี้นกลับไปเป็นอาหารให้เหล่าลูกอ่อนในรัง โดยประมาณกันว่า แตนรังหนึ่ง สามารถบุกสังหารล้างเผ่าผึ้งได้อย่างโหดร้าย ปริมาณกว่า 30,000 ตัว ภายในเวลา 1 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม การยกทัพบุกทำร้ายคนนับเป็นเรื่องที่ผิดธรรมชาติมาก เมื่อมันลงมือโจมตี จะรวดเร็ว ดุดัน โดยสามารถบินได้เร็วถึง 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบินได้ไกลถึง 80 กิโลเมตรในหนึ่งวัน นอกจากนั้น ยังมีแตนเอเชียสายพันธุ์เวสปาเวลูทิน่า (Vespa velutina) ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า แต่อันตรายพอ ๆ กันคอยผสมโรง
นางมู่ ชาวบ้านผู้โดนแตนต่อย กล่าวว่า เธอถูกต่อยกว่า 200 แห่ง ซึ่งปัจจุบันยังเป็นผลให้เธอขยับขาไม่ได้ เธอกล่าวว่า แตนเหล่านี้น่าสยดสยองมาก มันต่อยหัวเธอก่อน จากนั้น ก็กรูกันไปเล่นงานขาของเธอ จนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลนานถึง 2 เดือน เพื่อถ่ายเลือดเสียออกมากกว่า 13 ครั้ง
ทั้งนี้ ชาวบ้านและผู้เชี่ยวชาญพูดตรงกันว่า ภาวะโลกร้อนคือสาเหตุที่ทำให้มีฝูงแตนอาศัยอยู่ชุกชุมในปีนี้ โดยอากาศที่อบอุ่นผิดปกติเมื่อปีที่แล้วทำให้แตนรอดตายจากฤดูหนาวมาได้เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น ยังอาจมีสาเหตุจากฝนที่ทิ้งช่วง ซึ่งทำให้แตนแตกตื่นปั่นป่วน รวมทั้งการย้ายเข้าไปอาศัยบนภูเขาลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ของชาวบ้าน ซึ่งไปรบกวนรังแตนเข้า
แม้ทางการพยายามเผารังแตนรังแล้วรังเล่า ทว่าฝูงแตนก็ยังคงมีอยู่ทั่วทุกหนแห่งในเมืองอันคัง ที่ซึ่งบ้านตึกคอนกรีตสูง 2 ชั้นปลูกกันอยู่กระจัดกระจายกลางหว่างเนินเขา อันเขียวชอุ่มกับสายน้ำ ที่ไร้ระลอกคลื่นกระเพื่อม และจนถึงวันนี้ชาวบ้านยังคงมีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดผวากันต่อไปไม่จบสิ้น