เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - สื่อมวลชนจีนรายงานเรื่องราวน่าสยดสยองของชาวนาฐานะยากจนผู้หนึ่ง ซึ่งใจเด็ดถึงกับตัดขา ที่กำลังเน่าเฟะของตัวเอง เพื่อรักษาชีวิต ภายหลังถูกปฏิเสธจากโรงพยาบาล เพราะไม่มีเงินค่ารักษา โดยหลังจากการประโคมข่าวของสื่อ โรงพยาบาลขมีขมันรับเป็นผู้ป่วยในทันที
เรื่องราวของนายเจิ้ง เยี่ยนเหลียง วัย 47 ปีในมณฑลเหอเป่ย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราว 1 ปีครึ่งมาแล้ว เปิดโปงให้เห็นถึงการขาดแคลนกลไกช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลแก่ชาวบ้านบนแดนมังกร
เมื่อต้นปี 2555 นายเจิ้งมีอาการปวดแถวสะโพกกับต้นขา จนแทบเดินไม่ได้ จึงไปพบแพทย์ ซึ่งวินิจฉัยว่า เขาป่วยเป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน (arterial thrombosis) ที่ขา แต่โรงพยาบาลบางแห่งก็ไม่รับรักษา และบางแห่งก็เรียกค่ารักษาแพงลิ่ว
“โรงพยาบาลที่หนึ่งบอกให้เราวางเงินล่วงหน้าก่อน 300,000 หยวน และบอกว่าค่ารักษาหลังจากนี้จะสูงกว่า 1 ล้านหยวน มันแพงเกินกว่าที่เราจะมีปัญญาจ่าย” เสิน จงหง ผู้เป็นภรรยาเล่า
นายเจิ้งเคยทำงานที่โรงงานเผาอิฐในท้องถิ่น ได้ค่าจ้างไม่เกินเดือนละ 1,000 หยวน
หลังจากต้องถอยกรูดออกมาจากโรงพยาบาล ซึ่งแพทย์บอกว่า เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 3 เดือนเท่านั้น นายเจิ้งจึงฝากความหวังไว้กับการรักษาแผนโบราณ แต่อาการของเขาทรุดลงอย่างรวดเร็ว ขาทั้งสองข้างเป็นหนอง และเริ่มเน่า เนื่องจากเลือดไม่ไปเลี้ยงที่ขา
สามวันก่อนที่เขาจะหั่นขาตัวเองนั้น เขาเห็นหนอนไต่ยั้วเยี้ยออกมาจากกล้ามเนื้อ ที่เฟะ เขาจึงตัดสินใจเด็ดขาด
ชายที่น่าสงสารได้ใช้มีดกับเลื่อย ลงมือตัดขาข้างขวา ซึ่งเซลล์และเนื้อเยื่อตายเกือบหมดแล้วเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2555
เขาเล่าว่า ไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนัก เมื่อเฉือนเข้าไปในกล้ามเนื้อ และเลือดออกมาเล็กน้อย เพราะมันเกาะเป็นก้อน
“แต่พอเลื่อยเฉือนลึกลงไปตัดกระดูก ผมเจ็บปวดทรมานจนทนไม่ไหว ต้องกัดแผ่นไม้ไผ่ห่อผ้าขนหนู พยายามอดทนให้ได้” ชาวนาผู้ยากจนเปิดเผยนาที อันโหดร้าย
ส่วนขาซ้ายที่เหลือนั้น อาการย่ำแย่ โดยเท้าเน่าเปื่อยไปหมดแล้ว
เมื่อหนังสือพิมพ์เยี่ยนเจ้าอีฟนิ่งนิวส์ (Yanzhao Evening News) รายงานข่าวนี้ในวันพฤหัสฯ (10 ต.ค.) ก็กลายเป็นประเด็นร้อน ที่มีการแสดงความคิดเห็นกันในโลกอินเทอร์เน็ต และเงินบริจาคหลั่งไหลเข้ามาทั้งจากประชาชน และสภากาชาด
นายเจิ้งถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลหมายเลข 2 ของเมืองเป่าติ้ง ซึ่งอยู่ห่างจากสือจยาจวง เมืองเอกของมณฑลเหอเป่ย 150 กิโลเมตร ในบ่ายวันศุกร์ (11 ต.ค.) ทันที โดยผู้อำนวยการโรงพยาบาลระบุว่า จะให้การรักษาอย่างเต็มที่ โดยจะได้รับการยกเว้นค่ารักษาพยาบาล
นายเจิ้งถูกทิ้งให้ตกอยู่ในความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เพราะช่องโหว่ของระบบประกันสุขภาพของจีน แม้ว่า เขาได้รับการคุ้มครองภายใต้ระบบประกันสุขภาพสำหรับผู้อาศัยในเขตชนบท (rural cooperative medical system) ซึ่งเป็นบริการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานสำหรับเกษตรกรก็ตาม
นายกัว ซูฉิน รองผู้อำนวยการสำนักงานสุขภาพเมืองเป่าติ้ง และประธานของโรงพยาบาลกลางหมายเลขหนึ่งเมืองเป่าติ้งชี้แจงว่า กว่าร้อยละ 96 ของประชากรในชนบททั้งหมดในจีนได้รับการคุ้มครองภายใต้ระบบประกันนี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับโรคทั่วไปเท่านั้น โดยระบบประกันในระดับล่างนี้ไม่ครอบคลุมโรคเฉพาะของนายเจิ้ง
นอกจากนั้น ระบบประกันสุขภาพของจีนยังคุ้มครองร้อยละ 70 ของค่ารักษาพยาบาลสำหรับโรคร้ายแรง 20 โรค เช่น มะเร็ง และโรคหลอดเลือดสมอง แต่อาการของนายเจิ้งไม่เข้าเกณฑ์ 20 โรคนี้
สำหรับทางออกของปัญหาดังกล่าว นายกัวเสนอให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนสำหรับรักษาผู้ป่วยสำหรับโรค ที่เกิดขึ้นน้อยราย นอกจากนั้น รัฐบาลยังต้องให้ข้อมูลแก่ประชาชน โดยเฉพาะแก่ชาวชนบทเกี่ยวกับช่องทางในการติดต่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ อันน่าอนาถเช่นนี้ขึ้นอีก