เอเยนซี - กิจกรรมภาคการผลิตจีนในเดือนกันยายนที่ผ่านมา พุ่งขึ้นเป็นสถิติสูงที่สุดในรอบ 17 เดือน บ่งชี้สภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นคืนกลับมาอย่างมีเสถียรภาพ
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน กับ สมาพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อจีน แถลงเมื่อวันอังคารที่ 1 ต.ค. ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ สำหรับภาคการผลิตจีน หรือ พีพีไอ เดือนกันยายน ได้เพิ่มขึ้นมาที่ร้อยละ 51.1 สูงกว่าเดือนสิงหาคมซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 51 นับเป็นสัญญาณการขยายตัวชัดเจนซึ่งยืนเหนือระดับ 50 เป็นเวลาติดต่อกัน 3 เดือนแล้ว นอกจากนี้ ตัวเลขของเดือนกันยายน ยังเป็นการขยายตัวที่สูงที่สุดเป็นสถิตินับแต่เดือน พฤษภาคม ปี 2555
อย่างไรก็ตาม นายจาง หลี่ชวิ่น นักวิจัยจากศูนย์วิจัยพัฒนา สภาแห่งชาติจีน กล่าวว่า แม้ตัวเลขจะออกมาบวก แต่ก็ยังต้องเฝ้าติดตามความไม่สมดุลของภาคการผลิต ระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการรายกลางและใหญ่ กับผู้ประกอบการรายย่อย ที่ยังประสบปัญหาหนักอยู่
จู ไห่ปิน นักเศรษฐศาสตร์จาก เจพี มอร์แกน กล่าวว่า ตัวเลขการผลิตที่ฟื้นขึ้นนี้ ยังคงตกได้อยู่กับผู้ประกอบการระดับใหญ่ ขณะที่ผู้ประกอบการรายย่อย ยังอยู่ในสภาพลำบาก ซึ่งหากจำแนกตัวเลขให้ละเอียดลงไป จะพบว่า ผู้ผลิตรายใหญ่จะโตที่ร้อยละ 52.1 ขณะที่รายกลาง โตที่ 49.7 ส่วนการเติบโตของผู้ผลิตรายย่อย ยังอยู่ที่เพียง 48.8 แต่กระนั้น อย่างน้อยการขยายตัวครั้งล่าสุดนี้ ก็คงมีผลผลักดันต่อการผลิตทั้งระบบฯ
การขยับนโยบายเศรษฐกิจของจีนในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการเน้นสร้างความสมดุลย์ ระหว่างการบริโภคและการลงทุน เพื่อสร้างฐานการเติบโตที่ชัดเจนยั่งยืน ได้เพิ่มความเชื่อมันและสนับสนุนให้เกิดความเคลื่อนไหวในตลาดมาก จนสังเกตได้ชัดเจนว่า การลงทุนในภาคผลิตซึ่งลดฮวบลงเรื่อยๆ มาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เริ่มกลับฟื้นคืนเมื่อเดือนสิงหาคม หนึ่งเดือนหลังการปรับแนวนโยบายฯ นอกจากนี้ ยังประจวบเหมาะกับจังหวะเดียวกับที่มียอดสั่งซื้อจากภูมิภาคภายนอกต่างๆ โดยเฉพาะยุโรป ยังเสริมให้สภาวการณ์เศรษฐกิจฟื้นขึ้น
ควง เสี่ยนหมิง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ สถาบันปฏิรูปและพัฒนาจีน กล่าวเมื่อต้นเดือนกันยายนว่า ตัวเลขดัชนีการผลิตเดือนกันยายน จะเป็นค่าบ่งชี้เสถียรภาพเศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่สาม ทั้งนี้ ไตรมาสแรกเศรษฐกิจจีนขยายตัวที่ร้อยละ 7.7 ก่อนจะลดลงมาที่ร้อยละ 7.5 ในไตรมาสที่สอง จนกระทั่งรัฐบาลได้มีการปรับแนวนโยบายเศรษฐกิจ แม้จะไม่อัดฉีดหนักแบบปี 2551 แต่ใช้มาตรการเฉพาะรายเมื่อเดือนกรกฎาคม เพื่อดูผลไตรมาสสาม ซึ่งจะเผยในกลางเดือนตุลาคมนี้ ขณะที่ตัวเลขเป้าหมายการขยายตัวฯ ตลอดทั้งปียังคงอยู่ที่ร้อยละ 7.5 ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่ช้าที่สุดในรอบ 13 ปี