เอเยนซี - หลังเหตุเครื่องบินสายการบินเอเชียน่าของเกาหลีใต้ตกกระแทกรันเวย์ ขณะร่อนลงจอด ณ ท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น จนเป็นเหตุให้ผู้โดยสารชาวจีนเสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 182 คน ล่าสุด เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้เปิดเผยสาเหตุการเสียชีวิตให้ได้ทราบแล้ว
รายงานข่าว (8 ก.ค.) กล่าวว่า นางสาวเย่ เมิ่งหยวน อายุ 16 ปี และนางสาวหวัง หลินจยา อายุ 17 ปี เป็นผู้โดยสารชาวจีนทั้สองรายที่เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกครั้งนี้ โดยทั้งคู่เป็นนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมศึกษา เมืองเจียงซัน มณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มครูและนักเรียน 70 คน ที่กำลังเดินทางไปเข้าค่ายภาคฤดูร้อนที่สหรัฐฯ โดย 30 คน มาจากมณฑลซันซี และที่เหลือมาจากมณฑลเจ้อเจียง
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่แพทย์และพยาบาลอย่างละเอียด พบว่า หนึ่งในนักเรียนหญิงที่เสียชีวิตคาที่นั้น ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยขณะเกิดเหตุ ส่วนนักเรียนอีกคนเมื่อมาถึงโรงพยาบาล แพทย์พบชีพจรอ่อนแรงและบาดแผลใหญ่ จึงได้ทำการผ่าตัดช่วยชีวิต แต่เนื่องจากสภาพร่างกายที่บาดเจ็บอย่างรุนแรง จึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ สำนักข่าวจีนในฮ่องกงแห่งหนึ่ง เผยว่า นางสาวเย่ และนางสาวหวัง เป็นเพื่อนสนิทกัน และทั้งคู่ต่างเป็นนักเรียนที่มีความสามารถด้านการเรียนและกิจกรรมที่โดดเด่น โดยนางสาวเย่มีทักษะด้านวรรณคดี และพรสวรรค์ในการเล่นเปียโน ร้องเพลง และกีฬายิมนาสติก ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ เธอเพิ่งชนะการแข่งขันยิมนาสติกระดับชาติมาด้วย ส่วนนางหวัง มีทักษะด้านวิชาฟิสิกส์ และพรสวรรค์ด้านการวาดภาพและเขียนพู่กันจีนที่สวยงาม
เวยปั๋ว ... ช่องทางบอกเล่าเหตุการณ์เที่ยวบินมรณะ
ผู้โดยสารจำนวน 291 คน ของเครื่องบินสายการบินเอเชียน่า รุ่นโบอิ้ง 777 เที่ยวบินที่ 214 นี้ มีจำนวน 141 คน ที่เป็นผู้โดยสารชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งขึ้นเครื่องจากมหานครเซี่ยงไฮ้ของจีน ก่อนเดินทางไปยังเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ตามลำดับ โดยชาวจีนที่รอดชีวิตจากเที่ยวบินมรณะนี้ พากันเขียนข้อความบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านเวยปั๋ว (เว็ปไมโครบล็อคคล้ายทวิตเตอร์)
“ผมรู้สึกว่าขณะกำลังร่อนลงจอด ตัวเครื่องบินในระดับต่ำมากๆ พอดูเหมือนล้อเครื่องแตะพื้นรันเวย์แล้ว เครื่องบินกลับเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นจนหัวเครื่องยกตัวสูงขึ้น และทันใดนั้นทุกอย่างก็เลวร้าย หน้ากากออกซิเจนฉุกเฉินร่วงหล่นลงมา กลิ่นเหม็นคละคลุ้งเต็มห้องโดยสารไปหมด”
“พอเครื่องบินหยุดสนิท ผมเห็นว่าด้านหลังเครื่องกลายเป็นรูอุโมงค์ขนาดใหญ่ ส่วนของหัองครัวบนเครื่องบินนั้นก็หายไปหมดแล้ว” นายสี่ว์ ต้า หนึ่งในผู้โดยสารที่รอดชีวิตเขียนเล่านาทีชีวิตที่เขาได้เจอมา
“ฝุ่นและกลิ่นเหม็นลอยเต็มไปหมด แถมยังค่อนข้างมืดมากด้วย” หนึ่งในนักเรียนที่รอดชีวิต กล่าว
นอกจากนี้ ชาวเน็ตจีนต่างไว้อาลัยกับการจากไปของ 2 นักเรียนหญิงชาวจีน ผ่านเว็ปไซต์เวยปั๋วเช่นเดียวกัน
“ในประเทศจีนที่ครอบครัวส่วนใหญ่มีลูกเพียงคนเดียว แล้วพ่อแม่ของพวกเขาจะผ่านความทุกข์นี้ไปได้อย่างไร” ข้อความของชาวเน็ตจีนผู้หนึ่ง
“ชีวิตของพ่อแม่คงต้องมาเริ่มใหม่อีกครั้ง”
ชาวเน็ตรุมด่า ... พิธีกรรายการโทรทัศน์ในเกาหลีใต้ กล่าว “โชคดีที่ผู้เสียชีวิตเป็นคนจีน”
กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที เมื่อพิธีกรรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่งในเกาหลีใต้ กล่าวถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เที่ยวบินมรณะในรายการที่ถ่ายทอดออกอากาศผ่านช่อง Channel A ว่า “ข่าวล่าสุดคือ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินครั้งนี้เป็นชาวจีน ไม่ใช่ชาวเกาหลีใต้ หากมองจากจุดนี้ ถือว่าพวกเราโชคดีเป็นอย่างมาก” ซึ่งทำให้ชาวเน็ตเกาหลีใต้ต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมและไร้หัวคิดของพิธีกรผู้นี้
“จะเกิดผลร้ายอะไรตามมา หากให้คนจีนมาดูการรายงานข่าวอย่างนี้”
“คนที่เสียชีวิตก็ยังเด็กอยู่แท้ๆ มาพูดแบบนี้ได้อย่างไรกัน”
“เป็นถึงพิธีกรรายการโทรทัศน์ ทำไมถึงปากเปราะขนาดนี้ ไม่ใช่คนประเทศเราเสียชีวิต ก็บอกว่าโชคดีอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่มีมนุษยธรรมเอาซะเลย”
อย่างไรก็ดี ภายหลังเจ้าหน้าที่จากบริษัท Channel A ได้เผยแพร่คำขอโทษต่อกรณีดังกล่าว โดยข้อความระบุว่า "ทางบริษัทขอแสดงความขอโทษต่อการรายงานข่าวเหตุการณ์เครื่องบินตกที่ไม่เหมาะสม ทว่า เราขอชี้แจงว่าความหมายของ 'โชคดี' ที่เรากล่าวถึง เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นธรรมดาที่ยินดีต่อการไม่มีชาวเกาหลีใต้คนใดเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทขออภัยต่อผู้ชมทุกท่าน"
คลิปวีดีโอที่ผู้เห็นเหตุการณ์บันทึกไว้ได้ (คลิปฯ - ยูทูป)
.....................
(**หมายเหตุ : ในกรณีเปิดช่องแสดงความคิดเห็นฯ ทีมงานมุมจีน ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น ที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นข่าวฯ ใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ และขอความร่วมมือผู้อ่าน ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นฯ ร่วมตรวจสอบข้อความที่ไม่เหมาะสมได้ โดยการกดปุ่ม "แจ้งลบ")