xs
xsm
sm
md
lg

ไฉน 'ห้องแลบ' จึงเป็น 'คลังอาวุธ' ให้อาชญากรหัวกะทิ ?

เผยแพร่:   โดย: น้ำทิพย์ อรรถบวรพิศาล

ASTV ผู้จัดการออนไลน์ -ทำเนียบขาวสบโอกาสที่จะได้สำแดงบทบาท ‘ตำรวจโลก’ อีกครั้ง เมื่อชาวจีนแผ่นดินใหญ่และชาวจีนโพ้นทะเลในสหรัฐอเมริกาล่ารายชื่อเกินแสนคน เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโอบามาช่วยรื้อฟื้นคดี จู ลิ่ง (朱令) อดีตนักศึกษา สาขาเคมีฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยชิงหวา (清华大学) ได้รับสารทัลเลียม (thallium) สารเคมีพิษสงร้ายแรงที่มักถูกใช้เป็นยาพิษสังหาร กระทั่งสูญเสียความสามารถทางสติปัญญาและเป็นอัมพาตเมื่อ 19 ปีที่แล้ว หลังเกิดเหตุอุกอาจซ้ำรอยที่มหาวิทยาลัยฝูตั้น (复旦) เร็วๆ นี้
นักศึกษามหาวิทยาลัยฝูตั้นพากันพบนกจำนวนมากห้อยตามมหาวิทยาลัยเพื่อไว้อาลัยแด่การจากไปของนักศึกษาแพทย์หัวกะทิ (ภาพโดย China diary)
“เราขอแจ้งข่าวโศกนาฏกรรมเรื่องหนึ่งให้กับบุคลากรมหาวิทยาลัยฝูตั้นและผู้คนในสังคมด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง” คือ ถ้อยความประโยคแรกที่คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้เขียนประกาศแจ้งต่อสาธารณชนเมื่อเวลาสี่ทุ่ม วันที่ 15 เม.ย. 56 หลังจากที่ความพยายามกู้ชีพ ฮวง หยาง (黄洋) นักศึกษาแพทย์ปริญญาเอก สาขาหูคอจมูก ซึ่งได้รับอันตรายจากสาร N-Nitrosodimethylamine ที่ถูกผสมในน้ำดื่ม ต้องประสบกับความล้มเหลว
ฮวง หยาง นักศึกษาแพทย์ปริญญาเอก สาขาหูคอจมูก มหาวิทยาลัยฝูตั้น
ทีมผู้ช่วยพยาบาลกำลังเคลื่อนย้ายร่างไร้ล้มหายใจของฮวง หยางไปยังห้องดับจิต
ภายหลังการสอบสวนพบว่า หลิน โหมว (林某) นักศึกษาแพทย์ปริญญาโท สาขารังสีวินิจฉัย อายุ 27 ปี เพื่อนร่วมห้องพักเดียวกันกับฮวง หยาง ต้องสงสัยว่าเป็น ‘ฆาตรกรเลือดเย็น’ ที่ลักลอบนำสาร N-Nitrosodimethylamine ซึ่งเหลือจากการทดลองเมื่อเที่ยงวันที่ 31 มี.ค. 56 แอบมาใส่ในถังน้ำดื่มที่ห้องพักในเช้าวันที่ 1 เม.ย. 56 อันเป็นเหตุฮวง หยางเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเป็นไข้ในเช้าวันรุ่งขึ้น ภายหลังเข้าตรวจที่โรงพยาบาลฟู่ฉู้จงซาน (附属中山医院) ของมหาวิทยาลัย ฝูตั้น จึงพบว่าตับได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก ส่งผลให้เลือดกำเดาไหล และหมดสติไปตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 56 แม้ว่าคณะแพทย์จะช่วยกันกู้ชีพจนสุดความสามารถ แต่ร่างกายของฮวง หยางก็มิอาจทนพิษต่อไปได้ กระทั่งสิ้นลมภายในคืนวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา
สภาพภายในห้องพักเลขที่ 414 หอพักนักศึกษาจีน มหาวิทยาลัยฝูตั้น ตึก 20 ที่ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันด้วยความกินแหนงแคลงใจตลอดเวลาเกือบครึ่งปี
สำหรับเหตุจูงใจนั้น หลิน โหมว เผยว่า ส่วนหนึ่งมาจากความเครียดที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันรอบด้าน ดังเช่นข้อความที่เขาโพสต์ไว้ที่เว็บไซต์ซินหลังเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 55 ความว่า “ไร้ความกตัญญูมี 3 ประการ: เรียนแพทย์ ต่อปริญญาโท โสด” หลิน โหมว เปรียบตัวเองเป็น ‘ชายหงส์’ (凤凰男) ที่มีพื้นฐานครอบครัวมาจากชนบท แต่ด้วยความมานะบุกบั่นของตัวเองจึงสามารถเข้ามาเรียนหนังสือในเมืองใหญ่ได้ ปัจจุบันถึงวัยที่พ่อแม่เร่งรัดเรื่องคู่ครอง ในขณะที่ตัวเขาพ่ายรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกทั้ง สภาวะแวดล้อมการประชันขันแข่งของบรรดาหัวกะทิ ก็สร้างความกังวลใจให้กับเขาเรื่องบรรจุเข้างานหลังจบการศึกษาเป็นอย่างมาก
ภาพล้อเลียนภาวะตึงเครียดอันเนื่องมาจากการแข่งขันทางสังคมของบรรดาหัวกะทิ  (ภาพ- wallstreetren)
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฮวง หยางก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก มักจะมีปากสียงกันบ่อยครั้ง อันเป็นชนวนให้ต่างฝ่ายต่างลบชื่อของกันและกันออกจาก QQ ระบบแชทของจีนได้เกือบครึ่งปีแล้ว

กระทั่งล่าสุด ทั้งคู่มีความเห็นไม่ลงรอยกันเรื่อง การออกเงินร่วมกันซื้อถังน้ำดื่มเข้ามาไว้ในห้องพัก จึงเป็นเหตุให้ฮวง หยางลงทุนซื้อมาดื่มเอง ในขณะที่หลิน โหมวเลือกที่จะไปกดจากถังน้ำดื่มสาธารณะภายในอาคาร
ภาพจำลองเหตุการณ์ฆาตกรรมเพื่อนร่วมห้องด้วยสารอันตรายในถังน้ำดื่ม (ภาพ- China diary)
แม้ว่าสาเหตุความขัดแย้งระหว่างผู้ต้องสงสัยกับผู้ตายจะยังดูคลุมเครือ แต่สิ่งที่กระจ่างชัดจากคำให้การของบุคคลใกล้ชิดก็คือ ผู้ต้องสงสัยเป็นบุคคลสองบุคลิก ในทัศนะของคณาจารย์ หลิน โหมว คือ นักศึกษาหัวกะทิ ผู้มีคะแนนดีเลิศ ทั้งยังเป็นรองประธานสโมสรนักศึกษา “แม้จะมีผู้ผ่านการคัดการเลือกให้บรรจุเป็นแพทย์เพียง 6 คน จากผู้มาฝึกทั้งหมด 10 คน และแม้ว่ากว่าครึ่งเป็นนักศึกษาปริญญาเอกก็ตาม แต่ด้วยความสามารถส่วนตัวของหลิน โหมวก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล อีกทั้งทางเราก็ขาดแคลนสาขาที่เขาเรียน” ในทัศนะของพี่สาว “เขาเป็นคนช่างเห็นอกเห็นใจผู้อื่น จิตใจงดงาม” ในทัศนะของแม่ “เขาไม่เคยมีเรื่องโกรธเคืองกับเด็กๆ ในหมู่บ้านเลย”
ภายหลังเกิดเหตุ ที่บริเวณหน้าห้องแลบ มีนักศึกษาติดข้อความ 10 ตัวอักษร ความว่า “เกิดและเติบโตจากที่เดียวกัน ไฉนจึงใช้ความรุนแรงอย่างเกินเหตุแก้ปัญหา” (ภาพ- chinareviewnews)
ทว่า ในทัศนะของเพื่อนนักศึกษา หลิน โหมว คือ บุคคลที่มีบุคลิกซับซ้อน และชอบดูถูกตัวเอง “ในชั้นเรียนเขามักจะแสดงความสามารถด้วยความมั่นใจจนล้น แต่กับเพื่อนเขามักเก็บตัว และไม่โต้ตอบเวลาหยอกล้อ” จะอย่างไรก็ตาม การที่หลิน โหมวเลือกใช้วัน “เมษาหน้าโง่” (愚人节หรือ April Fool's Day) ลงมือใส่สารพิษลงในถังน้ำดื่ม เพื่อหวังปลิดชีวิตเพื่อนร่วมห้อง ทั้งยังส่งผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาล ตรวจเอ็กซเรย์ และเฝ้าไข้ด้วยตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ ยากแก่การสงสัย ขณะเดียวกันก็ยังมีกำลังใจโอ้อวดกับเพื่อนๆ เรื่องบทความที่ได้ตีพิมพ์ถึง 8 ฉบับนั้น ก็แสดงให้เห็นถึงความผิดปรกติทางจิตไม่น้อย
หลิน โหมว ขณะถูกสอบปากคำ (ภาพ-泉州)
แม้ว่า ผู้ต้องสงสัยคดีฆาตรกรรมนักศึกษาแพทย์มหาวิทยาลัยฝูตั้นจะได้รับการควบคุมตัว และกำลังสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไปแล้วก็ตาม แต่ความคล้ายคลึงกันของรูปคดี กลับทำให้เกิดกระแสรื้อฟื้นคดีวางยาพิษนักศึกษามหาวิทยาลัยชิงหวาอีกครั้ง
จู ลิ่ง นักศึกษามหาวิทยาลัยชิงหวา ในช่วงวัยแรกแย้ม สดใส มากด้วยความสามารถ (ภาพ-百度)
จู ลิ่ง อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยชิงหวา ในสภาพไร้ความสามารถทางสติปัญญา และเป็นอัมพาตภายหลังโดนผู้ไม่ประสงค์ดีวางยาพิษ  (ภาพ-新景报)
... เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2537 จู ลิ่ง อดีตนักศึกษาปริญญาตรี สาขาเคมีฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยชิงหวา ได้รับสารทัลเลียมจากผู้ไม่ประสงค์ดี กระทั่งเป็นอัมพาต และไร้ความสามารถทางสติปัญญา ซึ่งแม้เวลาจะผ่านมา 19 ปีแล้ว ก็ยังไม่สามารถจับคนร้ายมาลงโทษได้ ในขณะที่ผู้ต้องสงสัยซุน เวย (孙维) นักศึกษาร่วมชั้นของเธอ ยังคงลอยนวลจวบจนถึงปัจจุบัน
จดหมายเรียกร้องต่อทำเนียบขาวให้มีการลงโทษผู้ต้องสงสัยวางยาพิษจู ลิ่งอดีตอีกครั้ง ภายหลังพบว่ามีการปิดคดีโดยไม่แจ้งผู้ร้องทุกข์
ทั้งนี้ เป็นที่กล่าวกันอย่างมากว่า ด้วยอิทธิพลของครอบครัวซุน ทำให้มหาวิทยาลัยมิอาจยับยั้งการออกปริญญาบัตร ทั้งยังเร่งรัดให้ตำรวจเร่งปิดคดีอย่างเงียบเชียบ จึงสร้างความไม่พอใจให้กับญาติสนิทมิตรสหายของจู ลิ่ง และชมรมช่วยเหลือจู ลิ่ง เป็นอย่างมาก ยังเหตุให้ชาวจีนแผ่นดินใหญ่และจีนโพ้นทะเลในสหรัฐฯ กว่าแสนคนลงนามในจดหมายเรียกร้องต่อทำเนียบให้มีการดำเนินคดีกับ ซุน เวย ผู้ต้องสงสัยวางยาพิษจู ลิ่งเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
ภาพการ์ตูนจำลองบรรยากาศห้องทดลองวิทยาศาสตร์ (ภาพ-Phillip Martin)
เหตุการณ์ซ้ำรอยดังกล่าว ล้วนชวนให้ตั้งคำถามต่อระบบการศึกษาจีนและสังคมจีนในสองแง่มุมหลัก

ประเด็นแรก เกิดอะไรขึ้นกับระบบตรวจการของห้องทดลองวิทยาศาสตร์ในสถาบันการศึกษาชั้นนำของเมืองจีน? หลังเกิดคดี จู ลิ่ง ในปีพ.ศ. 2537 มหาวิทยาลัยชิงหวาเคยออกมายอมรับว่า เป็นความบกพร่องของคณาจารย์ที่ไม่ได้ตรวจสอบการนำสารพิษเข้าออกห้องทดลอง ยังเหตุให้ปัจจุบันนักศึกษาสายวิทยาศาสตร์ต้องประสบกับความซับซ้อนในการลงทะเบียนยืมสารเคมีเพื่อทำการทดลองเป็นอย่างมาก กระทั่งหลายคนไม่ปฏิเสธว่าเคยซื้อและลักลอบนำเข้ามาจากข้างนอก เพื่อหลบเลี่ยงความยุ่งยากดังกล่าว กระนั้น หลิน โหมวก็ใช้ความไว้วางใจที่อาจารย์มอบให้ ลักลอบสารพิษออกจากห้องได้โดยไม่มีผู้สงสัย

ประเด็นที่สอง เกิดอะไรขึ้นกับมาตรฐานทางจริยธรรมในระบบการศึกษาจีน ฤาว่าการเรียนปริญญาตรีสายแพทย์ 5 ปี ปริญญาโทอีก 4 ปี มิได้มีส่วนช่วยให้หลิน โหมวมีเมตตาธรรม อันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่ผู้เป็นแพทย์พึงมี ฤาว่าการเรียนแพทย์อย่างคร่ำเคร่งตลอดเวลา 9-10 ปี มิได้ช่วยให้ฮวง หยาง และหลิน โหมว มีวุฒิภาวะมากพอที่จะแก้ไขปัญหาในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยความสันติ ฤาว่าไม่มีการบรรจุหลักสูตรจริยธรรมลงในสาขาเคมีฟิสิกส์ จึงทำให้ซุน เวย เพื่อนสนิทชิดใกล้ไม่ ‘กลัว’ที่จะนำสารพิษมาทำร้ายจู ลิ่ง และไม่ ‘อาย’ ที่จะเร่งเร้าให้มหาวิทยาลัยออกปริญญาบัตรให้ แม้ว่าจะมีการปฏิเสธหลายครั้งก็ตาม หรือหากปัญหาไม่ได้อยู่ที่ระบบการศึกษาจริง สิ่งที่พึงใส่ใจมากกว่านั้นก็คือ สภาพสังคมจีนอันตึงเครียดในปัจจุบัน ได้กดดันให้นักศึกษาหัวกะทิเหล่านี้หมกมุ่นกับการแก่งแย่งชิงดีจนมืดบอด เพราะไร้ที่พึ่งทางจิตใจ เช่น ศาสนา หรือ ปรัชญา....
กำลังโหลดความคิดเห็น