xs
xsm
sm
md
lg

“Lost in Thailand” ขึ้นแท่นแชมป์บ็อกซ์ออฟฟิศ ทำเงินแล้ว 6 พันล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: น้ำทิพย์ อรรถบวรพิศาล

เอเยนซี-หลังจาก "เหรินไจ้จย่งถูจือไท่จย่ง(人再囧途之泰囧)" หรือ Lost in Thailand ภาพยนตร์จีนแนว road movie ฟอร์มเล็กที่ลงจอฉายในจีนเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2012 ได้ทุบสถิติรายได้สูงสุดของหนังสัญชาติจีน แซงหน้าแชมป์เก่าอย่าง "ฮว่าผี ภาค2 (画皮2)" หรือ Painted Skin 2 : The Resurrection ในขณะที่เพิ่งเข้าฉายได้เพียง 2 สัปดาห์ เมื่อวันอาทิตย์(12 ม.ค.) ที่ผ่านมา และได้สร้างความแปลกใจให้วงการภาพยนตร์อีกครั้ง ด้วยการขึ้นแท่นอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์บ็อกซ์ออฟฟิศ แซงหน้าหนังฮอลลีวู้ด แชมป์เก่าอย่าง Titanic 3D ด้วยรายได้ ณ ห้องขายตั๋วกว่า 1,200 ล้านหยวน (6 พันล้านบาท)

เหรินไจ้จย่งถูจือไท่จย่ง(人再囧途之泰囧) หรือ Lost in Thailand เป็นหนังภาคต่อของ เหรินไจ้จย่งถู(人再囧途 : Lost On Journey) ปี 2553 ซึ่งกำกับและนำแสดงโดย สูเจิง (徐峥) พร้อมดาวตลกคู่หู หวัง เป่าเฉียง (王宝强) และ ฮวาง ปั๋ว (黄渤) เช่นเคย หนังตลกผจญภัยเรื่องนี้พาผู้ชมชาวจีนเดินทางออกจากแผ่นดินใหญ่สู่เมืองไทย ผ่านเรื่องราวของสองผู้จัดการหนุ่มที่มีความเห็นไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับงานวิจัยผลิตภัณฑ์ประหยัดน้ำมันที่บริษัทคิดค้นขึ้น คนหนึ่งต้องการขายลิขสิทธิ์ให้บริษัทในฝรั่งเศส ขณะที่อีกคนต้องการวิจัยต่อเพื่อหวังผลระยะยาว แต่ผู้ที่จะตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร คือ ประธานบริษัทที่พักผ่อนอยู่ในเมืองไทย ทั้งสองจึงต้องเดินทางมาเมืองไทยเพื่อแข่งกันเสนอความคิดและโน้มน้าวท่านประธาน และในระหว่างนี้เองที่ทั้งสองจะได้พบกับชีวิตที่หลุดกรอบ ทั้งบู๊กับมวยไทย ผจญภัยกับช้าง เพลินกายกับนวดแผนไทย เพลินตากับสาวไทย และเพลินใจกับสาวประเภทสอง ฯลฯ




ด้วยพล็อตขายความฮาที่ไม่ซับซ้อน บวกกับรายชื่อของนักแสดงนำที่ไม่ใช่ระดับซูเปอร์สตาร์ ทำให้หนังต้นทุนต่ำ เพียง 30 ล้านหยวน (146 ล้านบาท) เรื่องนี้ถูกประเมินตั้งแต่ก่อนเข้าฉายว่าอย่างดีที่สุดไม่น่าจะทำรายได้เกิน 500 ล้านหยวน (2,500 ล้านบาท) ทว่า นับแต่เข้าฉายในวันที่ 12 ธ.ค. 2012 กลับสร้างความตะลึงให้กับวงการภาพยนตร์จีน ด้วยการทุบสติอย่างต่อเนื่อง เพียงสองสัปดาห์ที่เข้าฉายก็ทำรายได้แชงหน้าแชมป์เก่าอย่าง ฮว่าผี ภาค 2 (画皮2) หรือ Painted Skin 2 : The Resurrection และเพียงหนึ่งเดือนให้หลัง (12 ม.ค. 2013) ก็ทำรายได้กว่า 1,200 ล้านหยวน (6 พันล้านบาท) ด้วยจำนวนผู้เข้าชมสูงสุดเป็นประวัติกาลถึง 380 ล้านคน ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งประวัติศาสตร์การโกยรายได้ที่หน้าห้องขายตั๋ว หรือบ็อกซ์ออฟฟิศ แซงหน้าหนังฮอลลีวู้ดอย่าง Titanic 3D ที่ทำรายได้เพียง 970 ล้านหยวน (4,850 ล้านบาท) ไปแล้ว

ต่อความสำเร็จครั้งนี้ หนังสือพิมพ์รายวันเศรษฐกิจจีน《经济日报》วิจารณ์ว่า ในฐานะหนังตลกโปกฮา Lost in Thailand ไม่ได้หยุดอยู่แค่ความบันเทิงในชั้นต้น หากเป็นเสมือนหนึ่งภาพสะท้อนระบบคุณค่าในชีวิตจริง ที่ช่วยให้ผู้ชมได้ระบายความอัดอั้นตันใจผ่านการปล่อยเสียงหัวเราะ 

จาง อี้อู ศาสตราจารย์มหาลัยปักกิ่งกล่าวว่า “ความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ” ตัวละครหลักเผยให้เห็นความวิตกกังวลที่มีอยู่ในหมู่คนชั้นกลาง ความทะเยอทะยานในเรื่องความสำเร็จที่จับต้องได้ ทั้งนี้คนกลุ่มนี้ส่วนหนึ่งก็เริ่มสับสนอ่อนล้า อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่ได้เดินหลงทางในประเทศไทยแต่เป็นการหลงทางชีวิตของกลุ่มคนเมือง

ส่วนคณะผู้จัดมองว่า แม้ว่าจะเป็นความบังเอิญที่น่าฉงนของเลข 12 ที่เริ่มจากเข้าฉายในวันที่ 12 ธ.ค. 2012 (12-12-12) และทำรายได้ 1,200 ล้านหยวน ในวันที่ 12 ม.ค. 2013 แต่ก็ไม่อยากให้ประชาชนงมงาย เพราะมีอีกหลายปัจจัยประกอบ ไม่ว่าจะเป็นความชัดเจนของเนื้อหา ความร่วมมืออันดีของทีมงาน การกำหนดเวลาที่ออกฉาย และกลยุทธ์ในการโฆษณา เป็นต้น

สู เจิง กล่าวว่า “ความสำเร็จครั้งนี้ เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย ทั้งนี้การเข้าถึงความต้องการตลาด คือ ที่มาของความสามารถในการกระชากใจคนดู แม้ตัวผมเองก็ยังมีความสุขตลอดการถ่ายทำ รวมถึงทีมงานทุกคน แค่เขาเห็นผม หวาง เป่าเฉียง ฮวางปั๋ว อยู่ด้วยกันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้ว” หวาง เป่าเฉียง เสริมว่า “ตัวผมเองก็ภูมิใจกับความสำเร็จครั้งนี้ การได้มีโอกาสร่วมงานกับผู้กำกับสู และพี่ปั๋ว มันยอดเยี่ยมมาก สภาพแวดล้อมที่เราไปถ่ายทำ รวมถึงทีมงานที่อบอุ่น ทำให้ผมบันเทิงใจเป็นอย่างมาก” ฮวาง ปั๋ว มองว่า “เวลา สถานที่ ทีมงาน ล้วนเป็นปัจจัยเสริม แต่เนื้อหาที่ชัดเจน คือ สิ่งที่สำคัญที่สุด ”
ภาพการ์ตูนล้อเลียนจากสื่อฮ่องกง เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ บทสนทนา แกว่า ทำไม หนัง Lost in Thailand ถึงได้ฮิตระเบิดขนาดนี้? บางที มันช่วยให้ชีวิตสดใสขึ้น หลังจากที่ Lost in Beijing กัน สะบักสะบอม
ประเด็นที่น่าจับตามอง คือ Lost in Thailand กระตุ้นการท่องเที่ยวประเทศไทยของชาวจีนให้กระเตื้องขึ้นอย่างมาก ในโลกออนไลน์มีการแชร์ภาพการท่องเที่ยวตามรอยหนังอย่างแพร่หลาย ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนทั้งแบบกรุ๊ปทัวร์และแบบ “แบ็คแพ็ก” ตั้งแต่เดือนธันวาคม ถึงยอดจองในช่วงตรุษจีน มียอดเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าจากปีที่แล้ว หลายบริษัททัวร์จัดโปรแกรมทัวร์ตามรอยแหล่งท่องเที่ยวในภาพยนตร์ อาทิ จัดโปรแกรมให้นักท่องเที่ยวพักที่โรงแรมเลอเมอริเดียน เชียงใหม่ ซึ่งเป็นฉากเปิดในภาพยนตร์ รวมทั้งจัดกิจกรรมอย่างการปล่อยโคม นั่งรถตุ๊กตุ๊ก และดูการแสดงช้าง เป็นต้น

ทว่า ความโชคดีครั้งนี้จะเป็นการเปิดโอกาสโกยทรัพย์ตลาดใหญ่ที่อาจเพิ่มขึ้นจนตาลาย หรือจะเป็นเพียงแค่กระแสที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป อยู่ที่ความพร้อมของประเทศไทย เพราะอย่าลืมว่ากระแสอินเตอร์เน็ตที่รวดเร็วปานจรวด สามารถสร้างความ “นิยมไทย” ได้ในพริบตา แต่ก็สามารถ “ทำลายความเป็นไทย” ได้ในพริบตาเช่นกัน

ชมตัวอย่าง ภาพยนตร์จีนเรื่อง “Lost in Thailand”
กำลังโหลดความคิดเห็น