รอยเตอร์ - การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (เอฟดีไอ) บนแดนมังกรในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ลดลงร้อยละ 3.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อันเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งทำให้บริษัทผู้ประกอบการต่างชาติระมัดระวังแผนการใช้จ่าย
กระทรวงพาณิชย์ของจีนแถลงเมื่อวันศุกร์ ( 19 ต.ค.) ว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติในจีนระหว่างเดือนม.ค.- ก.ย. ปี 2555 มีจำนวนทั้งสิ้น 83,400 ล้านดอลลาร์ โดยสำหรับเดือนก.ย.นั้น เอฟดีไอลดลงถึงร้อยละ 6.8
นอกจากนั้น เอฟดีไอจากสหภาพยุโรปในช่วง 9 เดือนแรกลดลงร้อยละ 6.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็น 4,800 ล้านดอลลาร์ และการลงทุนจากบริษัทในสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 0.6 เป็น 2,400 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม โฆษกของกระทรวงระบุว่า การลงทุนโดยตรง ที่เข้ามาในจีนกำลังเข้าสู่ช่วงของการปรับตัว และการลดการลงทุนในช่วง 9 เดือนนี้ยังนับว่า ลดลงเพียงเล็กน้อย แต่ขณะเดียวกันคุณภาพและโครงสร้างการลงทุน ที่ไหลเข้ามายังมีการปรับปรุงดีขึ้น จึงกล่าวได้ว่า การปรับตัวเช่นนี้เป็นสิ่งปกติและเป็นไปในเชิงบวก
ตัวเลขการลงทุนจากต่างชาติ ที่หดตัวนี้มีการเปิดเผยตามมา ภายหลังการเปิดเผยจีดีพีประจำไตรมาส 3 ของจีน ซึ่งชะลอการเติบโตต่อเนื่องมา 7 ไตรมาสแล้ว
ขณะที่ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของจีน ซึ่งมีมากที่สุดในโลก เพิ่มถึง 3.29 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อสิ้นเดือนก.ย. จาก 3.24 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อสิ้นเดือนมิ.ย.
อย่างไรก็ตาม แม้ความต้องการซื้อสินค้าในโลกอยู่ในภาวะไม่แน่นอน แต่การค้าของจีนส่งสัญญาปรับตัวดีขึ้นในเดือนก.ย. โดยยอดการส่งออกเพิ่มสูงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ก่อนหน้าถึง 2 เท่า และการนำเข้าสินค้าได้กลับมาขยายตัวอีกครั้ง ซึ่งบ่งชี้ว่า มาตรการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของรัฐบาลปักกิ่งเริ่มเห็นผลบ้างแล้ว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จีนได้เตือนว่า ตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือนก.ย. เพียงเดือนเดียวยังไม่เพียงพอ ที่จะตัดสินว่ามีแนวโน้มการฟื้นตัวได้ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจต่างประเทศ ที่มีความซับซ้อน
ทั้งนี้ จีนตั้งเป้าหมายการเติบโตในภาคการส่งออกและนำเข้าที่ร้อยละ 10 ในปี 2555 แต่เจ้าหน้าที่การค้าบางคนไม่แน่ใจว่า จะทำได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากความต้องการสินค้าในต่างประเทศมีความไม่แน่นอน