ณ แคว้นหลู่ มีชายผู้หนึ่งนามสูซันอู๋จื่อ ผู้ถูกตัดเท้าออกไป เขากะโผลกกะเผลกไปพบขงจื่อ
“เจ้าช่างไร้ความระมัดระวัง!” ขงจื่อกล่าวตำหนิ “เจ้าได้ฝ่าฝืนกฎหมายและนำความเดือดร้อนมาสู่ตัวเองเช่นนี้ เจ้ายังคาดหวังสิ่งใดจากข้าอีกในตอนนี้”
อู๋จื่อกล่าวว่า “ข้าเพียงแต่ไม่เข้าใจในหน้าที่และประมาทเกินไปต่อร่างกายของตนเอง ดังนั้นจึงสูญเสียเท้าข้างหนึ่ง แต่บัดนี้ข้ามาที่นี่ด้วยมีสิ่งซึ่งมีค่ายิ่งกว่าเท้าของข้า และได้พยายามที่จะรักษามันไว้ มิมีสิ่งใดที่ฟ้าไม่อาจคุ้มครอง มิมีสิ่งใดที่แผ่นดินไม่อาจโอบอุ้ม ข้าคิดว่าท่านเป็นดั่งฟ้าและดิน ไม่คาดคิดเลยว่าท่านจะปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้”
“ข้าช่างโง่เขลานัก” ขงจื่อกล่าว “เชิญท่านเข้ามาเถิด ข้าจะอธิบายแก่ท่านถึงสิ่งที่ข้าได้เรียนรู้”
แต่อู๋จื่อกลับเดินจากไป
ขงจื่อกล่าวว่า “จงหมั่นเพียรเถิด ศิษย์ทั้งหลาย อู๋จื่อผู้ซึ่งถูกตัดเท้า ยังมุมานะเรียนรู้ ดังนั้นจึงสามารถชดเชยความผิดพลาดในอดีต เช่นนี้แล้ว อย่าว่าแต่ผู้คนที่คุณธรรมเต็มเปี่ยมเลย”
อู๋จื่อเล่าเรื่องราวแก่เหล่าตัน “ขงจื่อยังไม่บรรลุถึงความเป็นมนุษย์ที่แท้ ใช่หรือไม่? หมายความว่ากระไรที่เขาเดินทางร่อนเร่ไปทั่วทุกแห่งหนและพินอบพิเทาจะขอเรียนวิชาจากท่าน? เขาไล่ตามไขว่คว้ามายาภาพแห่งชื่อเสียงและเกียรติยศ โดยไม่ล่วงรู้เลยว่ามนุษย์ที่แท้นั้น มองสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงพันธนาการและโซ่ตรวน”
เหล่าตันกล่าวว่า “เหตุใดท่านจึงไม่สอนเขาเล่าว่าชีวิตและความตายนั้นเป็นสิ่งเดียวกัน ทั้งสิ่งที่อาจยอมรับได้และสิ่งที่ไม่อาจยอมรับนั้นล้วนอยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน ไม่ดีกว่าหรือที่จะปลดปล่อยเขาออกจากพันธนาการและโซ่ตรวน?”
อู๋จื่อกล่าวว่า “เมื่อฟ้าได้ลงทัณฑ์เขาแล้ว ท่านจะปลดปล่อยเขาได้อย่างไร?”
แปลเรียบเรียงตัดตอนจากหนังสือจวงจื่อ(庄子) บทที่ห้าคุณธรรมที่แท้ 德充符