อาชีพสุดฮ็อตในเมืองจีน... อาชีพยอดคุณแม่

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - แดนมังกรวันนี้มีผู้หญิงในเมืองมากขึ้น ที่ยอมละทิ้งอาชีพการงานเงินเดือนสูง ๆ หันมาทำงาน ซึ่งท้าทายความสามารถไม่แพ้กัน นั่นคือการทำหน้าที่คุณแม่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน คอยดูแลอบรมลูกรัก ซึ่งพวกเธอเห็นว่าเป็น “การลงทุน” สำหรับอนาคตของครอบครัว

เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการแข่งขันด้านการงาน ที่ดุเดือดก็มีส่วนผลักดันให้สตรี ซึ่งมีการศึกษาดีในเมืองเลือกมาเป็นคุณแม่เลี้ยงลูกอยู่กับบ้านกันมากขึ้น ปรากฏการณ์นี้กำลังเป็นปัญหาหนึ่งในหลาย ๆ ปัญหา ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นเพศชายเพศหญิง ซึ่งทางการจีนมีการหยิบยกพูดถึง เพื่อหาทางแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของวันสตรีสากล

จากการศึกษาของมูลนิธิสตรีแห่งมณฑลก่วงตงเมื่อปีที่แล้วพบว่า 6,125 ครอบครัว ที่ถูกสำรวจทั่วมณฑล มีครอบครัวถึงร้อยละ 34.5 ที่มีสตรีเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน และพบว่ามีผู้เป็นแม่ในอัตราใกล้เคียงกัน ที่บอกว่า ถ้าทำได้ ก็จะทำตามกระแสความนิยมนี้

ขณะที่ผลการศึกษาเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งมหาวิทยาลัยการศึกษาหวาตงทำร่วมกับ Babytree.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับการเลี้ยงดูบุตร ระบุว่า มีคุณแม่ในเมืองชั้นหนึ่งทั่วประเทศถึงร้อยละ 21 ที่อยู่กับบ้าน ไม่ออกไปทำงาน ขณะที่ในเมืองรองระดับ 2 และ 3 ตัวเลขนี้กลับลดลงร้อยละ 13

การสำรวของมูลนิธิสตรีแห่งมณฑลก่วงตงยังพบว่า ในบรรดาคุณแม่ที่อยู่กับบ้านเหล่านั้น ร้อยละ90 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และร้อยละ 9 สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาโท

ส่วนเหตุผลที่เลือกอยู่กับบ้านนั้นมีแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงหลายคนอ้างถึงความสำคัญของการมีเวลาเลี้ยงดูลูกได้ทั้งวัน

“ฉันลังเลอยู่เหมือนกันค่ะ ที่จะออกมาดูลูกทั้งวัน เพราะรู้ว่าการเลี้ยงเด็กมันเหนื่อยกว่ามาก ๆ” ซั่ง ไอ้เจี๋ย ซึ่งอาศัยในกรุงปักกิ่งเล่า

“แต่สุดท้ายก็ลาออกจากงาน เพราะลูกและครอบครัวสำคัญกว่า” เธอกล่าว

ซั่งลาออกจากงานในตำแหน่งผู้จัดการของสตูดิโอถ่ายภาพแห่งหนึ่งเมื่อเดือนพ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากคลอดบุตรคนที่สอง และต้องการทำหน้าที่เลี้ยงดูลูก ๆ เอง

เหตุผลคล้ายกันกับสเตลล่า ซือ คุณแม่วัย 41 ปี ซึ่งอาศัยในนครเซี่ยงไฮ้ เธอตัดสินใจลาออกจากบริษัทการค้าของต่างชาติเมื่อหลายปีก่อน เพราะไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่ปู่กับย่า ซึ่งมีอายุอานามในช่วง 80 ปี เลี้ยงดูลูกสาวของเธอ

“ก่อนลาออกจากงาน ฉันมักจะอารมณ์เสีย เพราะมีเรื่องกดดันอยู่หลายเรื่อง ชั่วโมงการทำงานก็น้านนาน พอกลับบ้านมาได้เห็นพฤติกรรมของลูกสาวไม่ถึงมาตรฐาน ที่ตัวเองตั้งไว้ก็ยิ่งโกรธ” ซือเล่า

“ไม่ใช่แล้ว นี่ไม่ใช่ชีวิตอย่างที่ฉันต้องการ” เธอระบุ

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยของสถาบันการศึกษาสังคมศาสตร์แห่งเซี่ยงไฮ้ระบุว่า ทางสถาบันไม่สนับสนุนให้สตรีละทิ้งอาชีพการงานดี ๆ เนื่องจากการลาออกจากงานย่อมหมายถึงการหมดอิสรภาพทางการเงิน และความไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศหญิงเพศชาย

ขณะที่นักวิจัยด้านสิทธิสตรีโต้แย้งว่า การมุ่งเน้นความสำคัญของชีวิตของครอบครัวก็ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งในทัศนะของสตรีบางคน

ในท่ามกลางการอภิปรายถกเถียงในหลากหลายมิติเกี่ยวการตัดสินใจทิ้งอาชีพการงานมาเลี้ยงลูกที่บ้าน แต่ซั่ง คุณแม่ในกรุงปักกิ่งกลาวว่า เธอไม่รู้สึกเสียใจเลย

"ครอบครัวก็เป็นอาชีพอย่างหนึ่ง ถ้าเด็กได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี และมีความสุขทุก ๆ วัน ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จ (สำหรับแม่) ได้เช่นกัน " เธอกล่าวอย่างคนที่ความคิดตกผลึกแล้ว