ขณะที่ทั่วโลกต่างเศร้าสลดกับการจากไปของ “วิทนีย์ ฮุสตัน” โลกฝั่งตะวันออกอย่างประเทศจีนเองก็มีกระแสข่าวชวนให้ใจหายที่สะพัดไปทั่วกับการจากไปของ "เฟิ่ง เฟยเฟย" หรือ “ราชินีเพลงสวมหมวก” อันถือเป็นตำนานบทหนึ่งในประวัติศาสตร์เพลงจีนที่มิอาจไม่กล่าวถึง โดยเฉพาะในไต้หวัน ความนิยมในตัวเธอนั้นนับว่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าราชินีนักร้องหญิงตลอดกาลอย่าง เติ้ง ลี่จวิน เลยทีเดียว
ข่าวเศร้าถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยทนายความประจำตัวของ เฟิ่ง เฟยเฟย ได้ออกมาแถลงข่าวว่า นักร้องชื่อดังแห่งยุค 70s เฟิ่ง เฟยเฟย เสียชีวิตแล้วที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 3 มกราคม ด้วยโรคมะเร็งปอด เถ้ากระดูกของเธอถูกส่งกลับไปทำพิธีที่ไต้หวันบ้านเกิดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเหตุที่ไม่ได้เปิดเผยก่อนหน้านี้ ทนายความของเฟิ่ง เฟยเฟย ชี้แจงว่าเพื่อเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่นักร้องผู้ล่วงลับกำชับไว้ก่อนเสียชีวิต ว่าไม่อยากให้แฟนๆ เสียน้ำตาในช่วงเวลามงคลของเทศกาลตรุษจีน
นักร้องหญิงรุ่นเดียวกับเติ้ง ลี่จวิน ผู้นี้ ชื่อจริงว่า หลิน ชิวหลวน เกิดที่ไต้หวันเมื่อปี 1953 เริ่มอาชีพในวงการบันเทิงด้วยการร้องเพลงตามโรงแรมในไทเป เดิมใช้ชื่อในวงการว่า หลินเชี่ยน ปี 1971 มีโอกาสแสดงละครทางโทรทัศน์เรื่อง "เอี้ยนซวงเฟย(燕双飞)" พร้อมทั้งร้องเพลงประกอบจนมีชื่อเสียงขึ้นมา จึงเปลี่ยนชื่อในวงการเป็น เฟิ่ง เฟยเฟย(凤飞飞) และใช้ชื่อนี้มาจวบจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต
มีคำกล่าวอันโด่งดังประโยคหนึ่งที่ว่า "ในจิตใจของชาวไต้หวัน คำจำกัดความของไต้หวันอาจหมายถึงวัดเฉิงหวง บะหมี่ไต้หวัน ลูกชิ้นปลา และเฟิ่ง เฟยเฟย” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่ชาวไต้หวันมีต่อศิลปินหญิงผู้นี้ เธอ โด่งดังมากในไต้หวันยุค 70s-80s ได้รับรางวัลนักร้องเสียงทองคำซึ่งจัดโดยนิตยสารชื่อดังติดต่อกันเป็นเวลา 8 ปี นับตั้งแต่ปี 1979 เป็นต้นมา นอกจากนั้นปี 1982-1983 เฟิ่ง เฟยเฟย ยังคว้ารางวัลนักร้องยอดเยี่ยมอันเป็นรางวัลสูงสุดทางการร้องเพลงของไต้หวันติดกัน 2 ปีซ้อน การันตีได้ถึงความสามารถที่ไม่ธรรมดาของนักร้องหญิงผู้นี้ โดยตลอดช่วงชีวิตของเธออัดแผ่นเสียงมาแล้วมากกว่า 100 ชุด นอกจากนี้ยังมีผลงานภาพยนตร์ รวมทั้งเป็นผู้จัดรายการที่โทรทัศน์อีกด้วย
ส่วนในประเทศไทย แฟนเพลงของเฟิ่ง เฟยเฟย มักจะรู้จักเธอในฐานะนักร้องเจ้าประจำที่ร้องเพลงประกอบให้กับหนังแนวเมโลดราม่าจากไต้หวัน ยุคที่สร้างจากปลายปากกาของนักเขียนนิยายชื่อดัง "ฉงเหยา" อาทิ เรื่อง นางนวลรวนรัก เพชรรัก เป็นต้น โดยในยุคแรกสามารถกล่าวได้ว่าหนังของฉงเหยาทุกเรื่องต้องร้องเพลงประกอบโดยเฟิ่ง เฟยเฟย เท่านั้น ก่อนที่ในเวลาต่อมานักร้องสาวจะมีคิวรัดตัวจนต้องแนะนำเพื่อนนักร้องคนสนิทของเธอให้มาร้องเพลงประกอบในหนังของฉงเหยาแทน ซึ่งเพื่อนของเธอคนนั้น มีชื่อว่า เติ้ง ลี่จวิน นั่นเอง
เด็กสาวที่ถือกำเนิดในครอบครัวชนบททางเหนือของเกาะไต้หวันอย่างเฟิ่ง เฟยเฟย นั้น การก้าวขึ้นมาสู่ความเป็นนักร้องอันดับหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากจะต้องฝ่าฝันแก้ไขสำเนียงชาวเหนือของเธอให้กลายเป็นภาษาจีนกลางที่มาตรฐานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังมีอาการหูขวาเสื่อมมาตั้งแต่อายุได้ 24 ปีอีกด้วย
เฟิ่ง เฟยเฟย และ เติ้ง ลี่จวิน เป็นศิษย์ของครูเพลง "หลิว เจียชัง" หลายปีให้หลัง มีสื่อสำนักหนึ่งป้อนคำถามให้กับ หลิว เจียชัง ผู้ซึ่งเป็นศิลปินนักร้องนักแต่งเพลง ผู้กำกับและนักแสดงชื่อดังของไต้หวัน ว่าตลอดชีวิตการเป็นครูเพลงของเขาคิดว่าศิษย์คนใดร้องเพลงได้ดีที่สุด? ซึ่งคำตอบแทบไม่ต้องคาดเดากันว่าต้องเป็น เติ้ง ลี่จวิน อย่างแน่นอน ทว่าผิดคาด เมื่อบรมครูเพลงแห่งยุคเอ่ยชื่อ เฟิ่ง เฟยเฟย ออกมา ภายหลังมีผู้วิเคราะห์ว่า ที่ หลิว เจียชัง เลือกเฟิ่ง เฟยเฟย อาจเป็นเพราะเล็งเห็นในความพยายามและความมุมานะของเธอที่จำต้องมีมากกว่าคนอื่นหลายเท่า กล่าวได้ว่าเสียงของเฟิ่ง เฟยเฟยคือกึ่งกลางของเติ้งลี่จวินและไช่ฉิน ไม่หวานแหลมอย่างรายแรก ขณะเดียวกันก็ไม่ทุ้มนุ่มเช่นรายหลัง ดังนั้นความโด่งดังของเธอจึงมาจากความพยายามส่วนตัวล้วนๆ ซึ่งตัวเธอเองก็ตระหนักถึงข้อนี้เป็นอย่างดี
"ราชินีเพลงสวมหมวก" คือฉายาของเฟิ่ง เฟยเฟย ที่แพร่หลายเป็นที่รู้จักมากที่สุด เนื่องจากเวลาขึ้นร้องเพลงตามงานต่างๆ เฟิ่ง เฟยเฟย จะต้องมีหมวกประดับอยู่บนศีรษะเสมอไม่ว่าจะแต่งตัวเช่นไรก็ตาม จนกระทั่งกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ว่ากันว่าเธอมีหมวกเอาไว้สับเปลี่ยนนับพันใบเลยทีเดียว
ในด้านชีวิตส่วนตัว เฟิ่ง เฟยเฟย แต่งงานกับนักธุรกิจด้านการท่องเที่ยวชาวฮ่องกงเมื่อปี 1980 มีบุตรชายด้วยกัน 1 คน ทั้งคู่ครองรักกันมายาวนานถึง 28 ปี ก่อนที่ "เจ้า หงฉี" ผู้เป็นสามีจะเสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อ 3 ปีก่อน โดยในครั้งที่สูญเสียสามีคู่ทุกข์คู่ยาก เฟิ่ง เฟยเฟย เก็บตัวเงียบไม่เอ่ยถึงเหตุการณ์ดังกล่าว กระทั่งรอจนเวลาผ่านไปจึงค่อยเอ่ยถึงเรื่องนี้ในคอนเสิร์ตครั้งหนึ่งท่ามกลางแฟนเพลงว่า "ในตอนนี้ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องกระทำ ฉันได้เรียนรู้ถึงความเจ็บปวดของการสูญเสียคนรักที่เดินร่วมกันมานับ 30 ปี ซึ่งคงต้องใช้เวลายาวนานในการรักษาความเจ็บครั้งนี้...แต่กระนั้น นี่คือชีวิต ฉันจำต้องเผชิญมันอย่างกล้าหาญ"
3 ปีให้หลัง เฟิ่ง เฟยเฟย จากไปอย่างสงบตามเส้นทางของ เจ้า หงฉี คนรักของเธอ การจากไปครั้งนี้อาจเป็นเพียงอีกบทหนึ่งของชีวิตที่ เฟิ่ง เฟยเฟย ต้องเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ ขณะที่สิ่งที่ราชีนีเพลงแห่งไต้หวันผู้นี้ทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง คือบทเพลงแว่วหวานนับไม่ถ้วนที่ยังคงเป็นอมตะอยู่ในหัวใจของแฟนเพลงไปตลอดกาล
ผลงานเพลงเด่นๆ ของ เฟิ่ง เฟยเฟย มีมากมาย อาทิเช่น เพลง “จุยเมิ่งเหริน(追梦人)" หรือ คนล่าฝัน ซึ่งเป็นเพลงประกอบละครชุดจิ้งจอกภูเขาหิมะ(คลิกฟัง) เพลง "จั่งเซิงเสียงฉี่(掌声响起)" หรือ "เมื่อเสียงปรบมือดังขึ้น" ที่สะท้อนความเหนื่อยยากและความอดทนจนกระทั่งมีวันนี้ของเธอ จนทำให้เธอต้องเสียน้ำตาทุกครั้งที่ร้องเพลงนี้(คลิกฟังและอ่านรายละเอียด)
ส่วนเพลงที่นำมาให้ฟังกันในวันนี้ ชื่อเพลงว่า "หวั่วซื่ออีเพี่ยนอวิ๋น(我是一片雲)" แปลว่า ฉันคือเมฆก้อนหนึ่ง เพลงนี้ เฟิ่ง เฟยเฟย ร้องเพื่อประกอบภาพยนตร์ไต้หวันปี 1976 ของฉงเหยาอีกเช่นเคย ภาพยนตร์เรื่องนี้ชื่อว่า "หวั่วซื่ออีเพี่ยนอวิ๋น" โดยในสมัยที่นำมาฉายในเมืองไทยใช้ชื่อว่า "รักในม่านเมฆ" นำแสดงโดยนักแสดงดาวรุ่งชื่อดังในยุคนั้น คือ หลิน ชิงเสีย, ฉิน ฮั่น และฉิน เสียงหลิน ซึ่งถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชีย รวมไปถึงเพลงประกอบที่กลายเป็นหนึ่งในเพลงอมตะของ เฟิ่ง เฟยเฟย ที่แฟนๆ ล้วนชื่นชอบ
เนื้อร้อง: ฉง เหยา(琼瑶)
ทำนอง: จั่ว หงหยวน(左宏元)
我是一片云
wo3 shi4 yi1 pian4 yun2
หวั่วซื่ออีเพี่ยนอวิ๋น
ฉันคือเมฆก้อนหนึ่ง
天空是我家
tian1 kong1 shi4 wo3 jia1
เทียนคงซื่อหวั่ว-จยา
ผืนฟ้าคือบ้านของฉัน
朝迎旭日升
zhao1 ying2 xu4 ri4 sheng4
เจาอิ๋งซี่ว์รื่อเซิ่ง
ยามเช้าต้อนรับแสงแห่งอรุโณทัย
暮送夕阳下
mu4 song4 xi1 yang2 xia4
มู่ซ่งซีหยัง-ซย่า
ยามค่ำส่งแสงสุดท้ายแห่งอัศดง
我是一片云
wo3 shi4 yi1 pian4 yun2
หวั่วซื่ออีเพี่ยนอวิ๋น
ฉันคือเมฆก้อนหนึ่ง
自在又潇洒
zi4 zai4 you4 xiao1 sa3
จื้อไจ้โย่วเซียวส่า
ทั้งเสรีและสง่างาม
身随魂梦飞
shen1 sui2 hun2 meng4 fei1
เซินสุยหุนเมิ่งเฟย
กายนี้โบยบินไปตามใจฝัน
它来去无牵挂
ทาไหลชี่ว์อู๋เชียนกว้า
ta1 lai2 qu4 wu2 quan1 gua4
ไปมาเช่นไร ล้วนไร้กังวล
ซ้ำทั้งหมด
บนเวที
MV