เดอะวอลล์สตรีตเจอร์นัล - เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นทยอยมาเป็นลำดับบนเกาะฮ่องกง สะท้อนให้เห็นว่า ชาวฮ่องกงกำลังฮึ่ม ๆ ไม่พอใจมากขึ้นทุกวัน ที่ได้เห็นผู้คนบนแผ่นดินใหญ่มาเยื้องย่างกันอยู่ที่นี่มากขึ้นเรื่อย ๆ
ทัศนคติ ที่แย่ลงต่อชาวจีนแผ่นดินใหญ่มองเห็นได้จากการชุมนุมประท้วงน้อยใหญ่ และการใช้ถ้อยคำสบประมาทดูถูก โดยเรียกชาวจีนแผ่นดินใหญ่ว่า “ตั๊กแตน” ซึ่งเป็นการอุปมาชาวจีนแผ่นดินใหญ่หลายล้านคน ที่แห่มาฮ่องกง เพื่อช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว และบางกรณีมาเพื่อคลอดลูกที่นี่ เหมือนฝูงตั๊กแตน ที่บินลงมากินพืชไร่เสียหาย
ในปีที่แล้ว มีหญิงตั้งครรภ์จากแผ่นดินใหญ่มาคลอดลูกในฮ่องกงถึง 4 หมื่นคน เพื่อหวังให้ลูกได้รับสิทธิ์ด้านการศึกษาและการรักษาพยาบาลที่นี่ กระทั่งคณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงต้องประกาศจำกัดจำนวนการเดินทางมาคลอดลูกของคนนอกพื้นที่ให้เหลือเพียง 34,000 คน
ทัศนคติในแง่ลบนี้ทำให้ฝ่ายจีนแผ่นดินใหญ่ออกมาตอบโต้ด้วยวาจา ที่รุนแรงไม่แพ้กัน
สถานการณ์เพิ่มความตึงเครียด เมื่อมีผลสำรวจออกมาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนว่า ชาวฮ่องกง ที่แสดงตนเป็นพลเมืองจีน ลดจำนวนลงเหลือร้อยละ 16.6 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 12 ปี เทียบกับเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งมีชาวฮ่องกงเห็นว่าตนเองเป็นพลเมืองจีนถึงร้อยละ 38.6
เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนประจำฮ่องกงรายหนึ่งออกมาวิจารณ์ทันทีว่า การทำสำรวจไม่เป็นวิทยาศาสตร์ และไร้เหตุผล ขณะที่สื่อของทางการจีนประณามว่า อาจารย์ของมหาวิทยาลัยฮ่องกง ซึ่งเป็นผู้ทำสำรวจนั้น มีเจตนาทุจริต และพยายามทำลายระบบการเมืองในปัจจุบัน
“ฉันโกรธก็เพราะคนเหล่านั้นกำลังรุกรานเรา” สุ่น หว่อง นักเรียน วัย 18 ปี ซึ่งเป็นผู้นำเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายกลุ่มเล็ก ๆ มาชุมนุมประท้วง พร้อมตะโกนคำขวัญ “ต่อต้านฝูงตั๊กแตน” บนถนนสายช้อปปิ้ง ซึ่งนักท่องเที่ยวจากแผ่นดินใหญ่แห่มาช่วงเทศกาลตรุษจีนเมื่อเดือนที่แล้ว
“พวกเขากำลังมีลูกที่นี่ มาเอาสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ แต่ไม่ได้เสียภาษี หรือมาช่วยเหลืออะไร” หว่องให้เหตุผล
อันที่จริงแล้ว ความรู้สึกรักชาติร่วมกันระหว่างชาวฮ่องกงและชาวจีนแผ่นดินใหญ่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อครั้งที่อังกฤษส่งมอบคืนฮ่องกงแก่จีนเมื่อ 15 ปีก่อน ความสัมพันธ์ฉันญาติพี่น้องยิ่งลึกซึ้ง หลังจากเกิดโรคซาร์ระบาดเมื่อปี 2546 และจีนช่วยเหลือเศรษฐกิจ ที่ย่ำแย่ของฮ่องกง โดยเปิดพรมแดนให้นักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักจากแผ่นดินใหญ่หลั่งไหลมาที่นี่
“เพียงแค่ไม่กี่ปีก่อน พวกที่มาจากแผ่นดินใหญ่ยังเป็นคนบ้านนอก มาตอนนี้ คนแผ่นดินใหญ่เหนือกว่าทางเศรษฐกิจ นั่นมันกำลังทำให้พวกคนในฮ่องกงโกรธไม่พอใจอย่างยิ่ง” กอร์ดอน แมททิวส์ อาจารย์ด้านมานุษยวิทยาประจำมหาวิทยาลัยฮ่องกงระบุ
อาจารย์แมททิวส์กล่าวว่า นอกจากนั้น ความไม่พอใจทางเศรษฐกิจยังผสมผสานกับความวิตกทางการเมือง โดยชาวฮ่องกงยังคงหวาดกลัวเรื่องที่จีนไม่มีประชาธิปไตย และมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
สงครามน้ำลายบทใหม่กลายเป็นเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นเกือบทุกวี่วัน โดยเมื่อต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ชายชาวฮ่องกงผู้หนึ่งตะโกนโห่ใส่หญิงจากแผ่นดินใหญ่ เมื่อลูกสาวของเธอกินบะหมี่แห้งที่สถานีรถไฟใต้ดิน ซึ่งห้ามนำน้ำและอาหารมารับประทาน ข้างฝ่ายหญิงก็ไม่ยอมแพ้ ตะโกนโห่โต้อีกฝ่าย เหตุการณ์ถูกกล้องวิดีโอบันทึก และมีคนดูกันอย่างแพร่หลาย
จากนั้น อีกไม่กี่วันต่อมา อาจารย์ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง นามว่า กง ชิงตง ได้เรียกชาวฮ่องกงว่า “ไอ้ลูกไม่มีพ่อ” และ “สุนัขรับใช้จักรวรรดินิยมอังกฤษ” ในการให้สัมภาษณ์ออนไลน์
ชาวฮ่องกงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง พากันจูงสุนัขออกมาเดินประท้วงบนถนนทันที ขณะที่อีกหลายคนพ่นสเปรย์บนกำแพงด่าว่า “สุนัขแผ่นดินใหญ่”
นอกจากนั้น ยังเกิดกรณียามรักษาความปลอดภัยของร้านสินค้าแบรนด์หรูของอิตาลี “Dolce & Gabbana”ห้ามคนในฮ่องกงมายืนถ่ายรูปหน้าร้าน แต่กลับอนุญาตคนจากแผ่นดินใหญ่ พอสื่อมวลชนท้องถิ่นประโคมข่าวนี้ได้ไม่กี่วัน ฝูงชนฮ่องกงราว 3 พันคนก็ตบเท้ามาเยี่ยมร้านแห่งนี้ทันที จนทางร้านต้องรีบยกเลิกคำสั่งห้ามแถบไม่ทัน
ล่าสุดมีการเรี่ยไรเงินบริจาคออนไลน์ เพื่อซื้อที่ลงโฆษณา “ต่อต้านตั๊กแตน” (antilocust) ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง แค่ไม่กี่วัน มีผู้บริจาคเงินมากกว่า 800 คน
ความสำเร็จในการผนวกฮ่องกงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนถือเป็นการกรุยทางสำหรับการผนวกเกาะไต้หวัน ซึ่งภารกิจที่ใหญ่และซับซ้อนยิ่งกว่า
อย่างไรก็ตาม การกระทบกระทั่งระหว่างชาวฮ่องกงกับชาวจีนแผ่นดินใหญ่กำลังทำให้รัฐบาลจีนไม่สบายใจ และกังวลถึงขั้นที่กลัวไปว่า การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยในฮ่องกง ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้านั้น อาจทำให้ฝ่ายที่เป็นปรปักษ์กับจีนมีอำนาจมากขึ้นก็เป็นได้