เอเอฟพี - สำนักข่าวของจีนรายงาน (17 พ.ย.) ชายจีนคนหนึ่งจุดไฟเผาตัว ณ จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อเดือนที่ผ่านมา นับเป็นการประท้วงที่เป็นความอ่อนไหวทางการเมืองของจีน ในใจกลางกรุงปักกิ่งครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
แถลงการณ์ของกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์กรุงปักกิ่ง เผยว่า ตำรวจเร่งระดมพลอย่างรวดเร็วไปยังสถานที่เกิดเหตุเพื่อควบคุมเพลิง และชายวัย 42 ปีที่จุดไฟก็รอดชีวิต สืบความได้ว่าเขาประท้วงต่อต้านกฎหมายแพ่งฯ โดยรายละเอียดไม่ได้ระบุชัดว่าเป็นอย่างไร
ภาพถ่ายในเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์เดลี เทเลกราฟ ของอังกฤษ แสดงร่างชายคนหนึ่งนอนอยู่ที่พื้นในจัตุรัสเทียนอันเหมิน ล้อมรอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใต้ภาพวาดอดีตท่านประธานเหมา เจ๋อตง ผู้นำยุคแรกของจีนคอมมิวนิสต์
รายงานข่าวกล่าวว่า “ด้านล่างของบริเวณจัตุรัสที่แขวนภาพวาดของประธานเหมา ชายแซ่หวังได้เดินทางไปถึงบริเวณดังกล่าวซึ่งมีชื่อเรียกว่าสะพาน จินสุ่ยเฉียว ก็ได้จุดไฟเข้าที่เสื้อผ้าของตัวเองทันที เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 ต.ค.”
“เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามดับไฟที่ลุกไหม้อยู่นานเกือบนาที หลังดับไฟแล้วก็ได้ส่งตัวไปโรงพยาบาล”
ในปีนี้บนแผ่นดินมังกร มีการกระทำอัตวินิบาตกรรมหลายครั้งและมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นด้วย
นับแต่ย่างเข้าปี 2554 เป็นต้นมา กลุ่มนักสิทธิชี้ว่า พระทิเบต 9 รูปและแม่ชีอีก 2 รูปจุดไฟเผาตัวในมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) อันมีชาวทิเบตอาศัยอยู่ สะท้อนให้เห็นความท้อแท้สิ้นหวังที่ถูกรัฐบาลจีนกดดันทางด้านเสรีภาพศาสนา
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้ หญิงวัย 81 ปี ก็จุดไฟเผาตัวเสียชีวิต ประท้วงที่เจ้าหน้าที่จ้างวานคนมารื้อบ้านไล่ที่เอาไปสร้างอุโมงค์
อย่างไรก็ตามไม่มีรายงานยืนยันเกี่ยวกับการประท้วงที่เทียนอันเหมิน นับแต่ปี 2544 มาแล้ว ทั้งนี้เทียนอันเหมินเป็นใจกลางของจีนและเคยเกิดเหตุการณ์กวาดล้างของรัฐบาลในปี 2532 ที่ประชาชนกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยถูกสังหารไปหลายร้อยชีวิตตามรายงานของรัฐบาล
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ปี 2544 สมาชิกลัทธิฝ่าหลุนกง 7 คน พยายามจุดไฟเผาตัวเองที่จัตุรัสฯ ตำรวจสามารถยับยั้งได้ 2 คน และมีผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 คน
ในขณะนั้น ลัทธิฝ่าหลุนกงปฏิเสธว่าคนดังกล่าวมิได้เป็นสมาชิกของกลุ่มและประณามรัฐบาลว่าสร้างเรื่องขึ้นมาลดความน่าเชื่อถือฯ พวกเขา
สื่อรัฐบาลจีนทำการเซ็นเซอร์อย่างหนัก และไม่เผยภาพการประท้วงล่าสุดจนกระทั่งวันพฤหัส (17 พ.ย.) สำนักข่าวโกลบอลไทมส์ก็ได้พิมพ์เรื่องยาวย่อ ๆ ออกมาให้อ่านกัน.
