เอเจนซี่ - คนวงการภาพยนตร์แดนมังกรไม่เห็นด้วย รัฐบาลออกโรงชี้แนวทางสร้างหนัง ต้นเหตุสู้ฮอลลิวูดไม่ได้
จีนยังคงพยายามแผ่ขยายอำนาจในโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวิธีการหนึ่งได้แก่การใช้อำนาจในลักษณะอำนาจที่นุ่มนวล (soft power) ซึ่งมีวัฒนธรรมเป็นอาวุธ โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนเรียกร้องให้อุตสาหกรรมเกี่ยวกับวัฒนธรรม ซึ่งรวมทั้งผู้สร้างภาพยนตร์ สร้างผลงาน เพื่อแข่งขันเผยแพร่ในต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ความประสงค์ของรัฐบาลปักกิ่ง ที่ต้องการเป็นผู้ชี้แนะควบคุมการสร้างงานศิลปะในประเทศทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะและผู้สร้างภาพยนตร์พากันอึดอัด คนเหล่านี้ชี้ว่า การเซ็นเซอร์และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ตอนนี้กำลังขัดขวางคนทำหนังจีนไม่ให้สามารถแข่งขันกับผู้สร้างหนังฮอลลิวูดได้อย่างเต็มที่
โจว ไหลหมิง นักวิจารณ์ด้านวัฒนธรรมระบุว่า การแข่งขันงานศิลปะไม่เหมือนกับการแข่งขันกีฬา เพราะผลงานด้านวัฒนธรรมไม่ใช่เสาหินขนาดใหญ่เทอะทะตายตัว แต่ควรมีความหลากหลาย
"ทางการมุ่งเผยแพร่วัฒนธรรมในต่างประเทศ เพื่อแข่งขันกับวัฒนธรรมต่างชาติ ที่กำลังทะลักเข้ามาในจีน แต่นั่นเป็นสิ่งที่ผิด" โจวกล่าว
"ผลผลิตด้านวัฒนธรรมมากมาย ที่รัฐบาลนำเสนอ มิได้เป็นตัวแทนของจีน" เขาระบุ
ด้านนายเฉิน ต๋าหมิง ผู้กำกับ ที่นำมาภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอมิดี้ ของฮอลลีวูด เรื่อง “What Women Want” มาสร้างใหม่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ระบุว่า การเซ็นเซอร์ทำให้การสร้างภาพยนตร์ ที่มีเนื้อหาหลากหลายทำได้ยากมากในปัจจุบัน และการสร้างภาพยนตร์แนวตีแผ่ หรือแนวอาชญากรรม ที่มีทั้งผู้ดีผู้ร้าย จะไม่ผ่านการเซ็นเซอร์
ความโด่งดังของรางวัลออสก้าร์ ที่ผู้คนทั่วโลกรู้จัก และเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจที่นุ่มนวลของสหรัฐฯ คือสิ่งตอกย้ำความยากลำบากของอุตสาหกรรมภาพยนตร์จีนในการแข่งขันกับฮอลลิวู้ด แม้ได้รับการผลักดันสนับสนุนจากรัฐบาลจีนก็ตาม และรางวัลไก่ทองคำ (Golden Rooster awards) ก็แทบไม่ได้รับความสนใจมากนัก แตกต่างจากรางวัลออสก้าร์
ขนาดภาพยนตร์ของจีน ที่ได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลามจากผู้ชมบนแดนมังกร ซึ่งทำสถิติมียอดขายตั๋วหนังในประเทศสูงที่สุดถึง 1,500 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ก็ยากจะตีตลาดในสหรัฐฯ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า ยกตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง “Let the Bullets Fly” หรือ “คนท้าใหญ่” หนังแนวเจ้าพ่อ สมัยช่วงทศวรรษ 1920 ของผู้กำกับเจียง เหวิน ได้รับความสนใจจากตัวแทนจำหน่ายในสหรัฐฯ เพียงไม่กี่ราย และจนถึงขณะนี้หนังยังไม่ออกฉายในอเมริกา
แต่ในขณะเดียวกัน ชาวจีนกลับพากันชื่นชอบภาพยนตร์แนวแฟนตาซีจากฮอลลิวูด เช่น “อวตาร” ซึ่งยอดขายตั๋วในจีนพุ่งสูงกว่า 200 ล้านดอลลาร์ หรือเรื่อง “กังฟูแพนด้า2” ซึ่งขายตั๋วได้ถึง 93 ล้านดอลลาร์
เดวิด แบนเดอร์สกี้ นักวิเคราะห์วงการสื่อของจีนชี้เตือนว่า เวลานี้จีนเต็มไปด้วยขนบธรรมเนียมประเพณี ที่นำออกจากกรุมาปัดฝุ่น ข้อจำกัดเข้มงวดทางการเมืองและอุดมการณ์ความคิดในการสร้างสรรค์ผลงานยังคงมีอยู่ และเป็นเรื่องอันตราย ที่จีนกำลังกลายเป็นชาติ ที่มิได้ร่ำรวยด้านวัฒนธรรม แต่เป็นชาติที่มีแต่ซากอนุสรณ์ของวัฒนธรรมเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้สร้างภาพยนตร์บางคนของจีนเชื่อว่า สามารถทำงานภายในระบบการควบคุม ที่เข้มงวดของรัฐบาลได้
“รัฐบาลใช้วัฒนธรรมมาเป็นเครื่องชี้แนะว่าสิ่งใดผิดสิ่งใดถูก ภาพยนตร์เป็นสิ่งที่มีพลังมาก และเราจำเป็นต้องสร้างคู่มือแนะนำที่ดี” ไอวี่ จง ซีอีโอของ “Beijing Galloping Horse” บริษัทสร้างภาพยนตร์เอกชนระดับแนวหน้าของจีนมองต่างออกไป