xs
xsm
sm
md
lg

ผู้บริโภคจีนตะลึงการบริโภคอเมริกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - ผู้บริโภคชาวจีนตกตะลึงรายงานข่าววิกฤตสินเชื่อของสหรัฐฯ และประหลาดใจมาก ที่เห็นชาวอเมริกันใช้เงินเกินตัว โดยใช้เงินในอนาคตกันเป็นว่าเล่น

วิกฤตสินเชื่อของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงพื้นฐานความแตกต่างระหว่างผู้บริโภค ที่มีความประหยัดมัธยัสถ์ในจีนกับผู้บริโภคชาวอเมริกัน ที่ชื่นชอบการใช้บัตรเครดิต

หลังจากสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลกได้ลดอันดับความน่าเชื่อในการชำระหนี้สินของสหรัฐฯ เมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมา ชาวจีนบางคนได้แสดงความดูหมิ่น ที่เห็นชาวอเมริกันใช้จ่ายเงิน ก่อนที่จะหาเงินนั้นได้

“พวกเขาควรซื้อในสิ่งที่เขามีเงินจ่ายเท่านั้น นาย เจ้า ไค ชาวกรุงปักกิ่งให้ความเห็น
เขากล่าวว่า ตัวเขาเองก็เหมือนกับชาวจีนอีกมากมาย ที่ “ชอบจ่ายเงินสด และไม่ชอบเป็นหนี้”

จากรายงานของนิตยสารฟอร์บส์ ครอบครัวชาวจีนโดยเฉลี่ยเป็นหนี้เพียงร้อยละ 17 ของรายได้ต่อปีในปีที่แล้ว ขณะที่ในสหรัฐฯ เป็นหนี้สินสูงถึงร้อยละ 136

“เปรียบเทียบกับชาวอเมริกัน ซึ่งอยู่ได้ด้วยเครดิต เมื่อชาวจีนคนหนึ่งหาเงินได้ 100 หยวน เขา หรือเธอจะออมเงินนั้นราว 25-30 หยวน” นาย หวัง ชิ่ง ผู้จัดการธนาคารเพื่อการลงทุนไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตอล คอร์ป ระบุ

การที่ผู้บริโภคชาวอเมริกันพึ่งพาการซื้อเชื่อกันมากขึ้น นักเศรษฐศาสตร์บางคนมองว่า สาเหตุส่วนหนึ่ง เนื่องจากค่าครองชีพ ที่พุ่งสูงแซงหน้าการเติบโตของเงินเดือนในช่วงสิบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาเชื้อเพลิงและอาหาร

ขณะที่สาเหตุที่ผลักดันให้ชาวจีนกระตือรือร้นออมเงินได้แก่ระบบเงินบำนาญและการประกันสุขภาพ ที่รัฐบาลจัดให้ไม่เพียงพอ ตลอดจนนโยบายลูกคนเดียว ซึ่งบีบให้พ่อแม่ต้องพึ่งพาตนเอง ผิดจากแต่ก่อน ที่พ่อแม่ได้พึ่งพาลูกเต้าเมื่อยามชรา

นอกจากนั้น ผลตอบแทนจากการลงทุนในจีนก็สูง ซึ่งกระตุ้นให้ชาวจีนนิยมการออม เพื่อนำเงินสดมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือโครงการลงทุนอื่น ๆ ที่ทำให้เงินงอกเงย

อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการออมของชาวจีนกลับกลายเป็นอุปสรรคต่อนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มบทบาทในการสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ซึ่งพึ่งการส่งออกเป็นหลัก

จากข้อมูลของธนาคารกลางจีน การออมเงินภาคครัวเรือนเพิ่มถึง 5.2 ล้านล้านดอลลาร์ในสิ้นเดือนมิ.ย. หรือราว 4,000 ดอลลาร์ต่อคน

ขณะที่บัตรเครดิตยังคงพยายามรุกตลาดจีน ซึ่งประชากรราว 100 ล้านคนจากจำนวนประชากรทั้งสิ้น 1,300 พันล้านคนเท่านั้น ที่ใช้บริการบัตรเครดิต

แม็กคินซีย์ บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระบุว่า มีชาวจีนเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น ที่ใช้บัตรเครดิตเมื่อสิ้นปี2552 เทียบกับสหรัฐฯ ซึ่งร้อยละ 60 ของประชากรมีบัตรเครดิตไม่ต่ำกว่าหนึ่งใบ

ทว่าแม้ชาวจีนมีบัตรเครดิต แต่ก็ใช้อย่างประหยัด

“คุณต้องไม่ใช้บัตรเครดิตเกินตัว ไม่งั้นคุณก็จะกลายเป็นทาส ถ้าไม่มีตังค์ ก็ไม่ต้องซื้ออะไรซะก็หมดเรื่อง” นายหลี่ อิงสง นักธุรกิจผู้หนึ่งแนะนำ

ขณะที่นักแปลในกรุงปักกิ่งรายหนึ่งระบุว่า ชาวจีนชอบจ่ายเงินสดมากกว่า เพราะทำให้รู้สึกมั่นคง

ด้วยเหตุนี้ จึงมักปรากฏข่าวชาวจีนซื้อสินค้าใหญ่ๆ โดยขนธนบัตรเป็นฟ่อนมา เช่น นักลงทุนรายหนึ่งหอบเงินสด ซื้ออาคารราคา 80 ล้านหยวนในเมืองชิงเต่า จนเป็นข่าวครึกโครมเมื่อปี 2552

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเมื่อราคาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองจีนพุ่งลิ่ว ก็เริ่มมีชาวจีนมากขึ้น ที่ต้องกู้ยืมเงินธนาคาร เพื่อมาซื้อห้องชุดอาศัย โดยผู้ขอกู้หลายรายต้องผ่อนชำระเงินคืนเป็นเวลานานกว่า 20 ปี บางรายนั้นการผ่อนชำระในแต่ละเดือนต้องจ่ายเงินเดือนมากถึงกว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

นอกจากนั้น ยังเกิดเยาวชนจีนรุ่นใหม่ ที่รักความสนุกสนาน และเปิดรับวิถีการดำเนินชีวิตแบบชาวตะวันตกมากขึ้น

คนจีนรุ่นใหม่เหล่านี้เริ่มจับจ่ายใช้สอยมากกว่าพ่อแม่ หรือปู่ย่าตายา ซึ่งเคยผ่านความยากลำบากภายใต้การปกครอง ที่เข้มงวดของลัทธิคอมมิวนิสต์มาแล้ว และที่สำคัญก็คือคนจีนรุ่นใหม่มีนิสัยใช้จ่ายเงินโดยไม่คิด เหมือนผู้คนมากมายในชาติตะวันตกไม่ผิดกันเลย

กำลังโหลดความคิดเห็น