ผู้เชี่ยวชาญเสนอแผนการใหญ่เนรมิตเขตหนานซา

เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - ผลการศึกษาของสถาบันสังคมศาสตร์จีน ซึ่งมอบหมายโดยคณะผู้บริหารเมืองกว่างโจว มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) เสนอย้ายที่ทำการของคณะผู้บริหารมณฑลจากศูนย์กลางเมืองกว่างโจว ไปยังเขตหนานซา และพัฒนาเขตแห่งนี้ให้กลายเป็นฮ่องกงแห่งที่สองในอีก 40 ปีข้างหน้า

สื่อมวลชนพากันประโคมข่าวผลการศึกษาชื่อว่า “การศึกษายุทธศาสตร์การตั้งและการพัฒนาเขตหนานซาแห่งกว่างโจว” ซึ่งกล้าให้ข้อเสนอแนะสำหรับเขตอำเภอ ที่มีเนื้อที่ราว 700 ตารางกิโลเมตร และเป็นเขตชนบทห่างไกลทางตอนใต้ ซึ่งมีการทำอุตสาหกรรมหนักแห่งนี้

นอกจากนั้น ยังเสนอให้ขยายเขตอำนาจการบริหารของหนานซา โดยมีการรวมเขตพานอี๋ว์ของเมืองกว่างโจว และบางพื้นที่ของเมืองจงซาน และต่งกวนเข้าด้วยกัน อีกทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลปักกิ่งจัดตั้งหนานซาเป็นเขตพัฒนาแห่งชาติ โดยมีฐานะเทียบเท่าเขตปินไห่ขอเมืองเทียนจิน และเขตผู่ตงของเซี่ยงไฮ้อีกด้วย

ผลการศึกษาฉบับนี้ระบุว่า เขตหนานซาควรได้รับการผลักดันให้เป็นเมืองชายฝั่งทะเลระหว่างประเทศอันทันสมัยในอีก 40 ปีข้างหน้า เทียบเท่าเขตปกครองพิเศษฮ่องกง และมหานครระดับสากลแห่งอื่น ๆ นอกจากนั้น ยังเรียกร้องให้รัฐบาลกลาง คณะผู้บริหารมณฑล และคณะผู้บริหารเมืองมอบนโยบายพิเศษ และให้การสนับสนุนด้านการเงินและการจัดเก็บภาษี เพื่อพัฒนาเขตหนานซา

ด้านนายวั่น ชิงเหลียง นายกเทศมนตรีเมืองกว่างโจวขานรับผลการศึกษา โดยระบุว่า การพัฒนาเขตหนานซาเป็นโครงการระดับมหากาพย์ และผลการศึกษาได้ให้แนวทางสำหรับทิศทางการพัฒนาใหม่ ๆ

อย่างไรก็ตาม นายเจิง เทียนเซียง ผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียง คัดค้านว่า วิสัยทัศน์ที่ใหญ่โตจากผลการศึกษาเป็นเพียงความฝันบนแผ่นกระดาษเท่านั้น โดยชี้ว่า แม้แต่เจ้าหน้าที่ของเขตหนานซา ที่อาศัยในเมืองกว่างโจวเอง ก็ไม่อยากย้ายมาอยู่ที่นี่ เนื่องจากเขตหนานซาไม่มีโรงเรียน โรงพยาบาล และเครือข่ายการขนส่ง ที่มีคุณภาพ

เขาเสนอว่า เป้าหมายแรก ที่ควรทำคือกำหนดให้เขตหนานซาเป็นศูนย์กลางเมืองระดับรองของเมืองกว่างโจวภายในปี 2558 จากนั้นค่อยพัฒนาเป็นศูนย์กลางระดับสาขาของเมืองในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียงต่อไป

นอกจากนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้เลย ที่จะคาดหวังให้เขตหนานซากลายเป็นเมืองสากลดังเช่นฮ่องกง เพราะเขตหนานซาเล็กเกินไปสำหรับการแข่งขัน
ด้านนายเผิง เผิง นักวิจัยของสถาบันสังคมศาสตร์แห่งเมืองกว่างโจวระบุว่า ผลการศึกษาได้เสนอวิสัยทัศน์สำหรับเขตหนานซา ซึ่งนักวิชาการท้องถิ่นคาดไม่ถึงมาก่อน เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ แต่ไม่ใช่ภายในระยะเวลาอันสั้น