ซินเหวินฮั่วเป้า – คนจีนกลัวโทษหนักถ้าถูกตำรวจจับข้อหา “เมาแล้วขับ” พนักงานบริษัทในเมืองฉางชุนช่วยกันเข็นรถผู้จัดการกลับบ้าน ระยะทางไกลกว่า 5 กม. ใช้เวลา 45 นาที
กลางเดือนกรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ซินเหวินฮั่วเป้า รายงานว่าในช่วงเย็นของวันที่ 11 ก.ค. ชาวเมืองฉางชุน มณฑลจี๋หลิน ในประเทศจีนต่างแสดงความแปลกประหลาดใจเมื่อเห็นหนุ่ม-สาวชาวจีนในชุดทำงานกว่าสิบคน ช่วยกันเข็นรถเก๋ง โฟล์คสวาเกนสีเงินไปบนถนนเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร โดยเมื่อมีผู้เข้าไปสอบถามว่า รถดังกล่าวเสียและต้องเข็นไปอู่ซ่อมใช่หรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ใช่ แต่กำลังช่วยกันเข็นรถเจ้านายกลับบ้าน
เรื่องราวมีอยู่ว่า พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองฉางชุนนัดสังสรรค์กันในช่วงเย็น ณ โรงแรมแห่งหนึ่งบนถนนกุยกู่ โดยเมื่องานเลี้ยงใกล้เลิก ผู้จัดการบริษัทแซ่จางก็ตบเข่าและอุทานขึ้นว่า “ไอ้หยา! เมื่อกี้สังสรรค์กันเพลินไปหน่อย แถมแต่ละคนก๊งเหล้ากันไปก็คนละไม่น้อย แล้วเราจะขับรถกลับบ้านกันยังไงดี? จะจอดรถทิ้งไว้ที่โรงแรมคืนนี้ก็ไม่ค่อยไว้วางใจ”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนได้ผ่านกฎหมายให้เพิ่มบทลงโทษผู้กระทำผิดกรณี “ดื่มแล้วขับ” และ “เมาแล้วขับ” อย่างรุนแรง โดยหากถูกจับอาจได้รับโทษสูงสุดทั้งถูกกักขัง จำคุก และยึดใบขับขี่ตลอดชีวิต
เวลานั้นเองมีพนักงานคนหนึ่งเสนอขึ้นว่า อย่างนั้นจ้างคนให้ขับรถกลับบ้านแทนดีหรือไม่? ทว่าเมื่อพยายามสอบถามแล้วกลับไม่สามารถหาเบอร์ติดต่อจ้างคนขับรถกลับบ้านแทนได้ หลังจากนั้นก็มีผู้เสนอความคิดขึ้นมาว่า อย่างนั้นทุกคนช่วยกันเข็นรถกลับบ้านน่าจะดีกว่า เพราะบ้านของผู้จัดการก็อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม แถมทุกคนยังได้ออกกำลังกายกันอีกด้วย โดยข้อเสนอดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากทุกคน
หลังจากงานเลี้ยงเลิก ในเวลาประมาณ 19.10น. ผู้จัดการจางจึงเปิดประตูไปนั่งหลังพวงมาลัย ขณะที่พนักงานคนอื่นๆ ก็ช่วยกันเข็นรถ ลงไปบนถนนกุยกู่ที่กำลังจอแจ เพื่อมุ่งหน้าไปยังถนนฝานหรง ที่ตั้งของบ้านผู้จัดการจาง โดยระหว่างทางผู้ที่พบเห็นรถและกลุ่มคนดังกล่าวต่างก็อมยิ้มไปตามๆ กัน เนื่องจากบนเส้นทางที่เข็นรถกลับบ้าน พนักงานกลุ่มนี้ต่างก็ช่วยกันร้องรำทำเพลงสร้างความคึกคักให้กับการเข็นรถไปตลอดทาง
ในที่สุดแล้วช่วงค่ำวันนั้นทั้งรถและคนต่างก็ถึงที่หมาย ในเวลา 19.55น. โดยใช้เวลาเข็นรวม 45 นาที หรือคิดเป็นระยะทางรวมกว่า 5 กิโลเมตร โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่าแม้ทุกคนจะเหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่ก็รู้สึกสนุกสนานเฮฮากันไม่น้อย
ด้านตำรวจจราจรเมืองฉางชุน เมื่อทราบเรื่องดังกล่าวก็ให้ความเห็นว่า กรณีที่คนดื่มสุราแล้วขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับโดยไม่ได้ติดเครื่อง แต่มีคนอื่นเข็นรถให้นั้นไม่ถือเป็นกรณี “ดื่มแล้วขับ” หรือ “เมาแล้วขับ” แต่การกระทำดังกล่าวตำรวจไม่สนับสนุนเพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ และส่งผลเสียต่อการจราจรได้ได้
ในประเทศจีน กฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยบนท้องถนนฉบับปรับแก้ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมาระบุว่า ผู้ขับขี่ยานพาหนะที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดตั้งแต่ 20-80 มิลลิกรัม ต่อปริมาณเลือด 100 มิลลิลิตร จะถือว่าเป็นผู้ที่ “ดื่มแล้วขับ”ส่วนผู้ขับขี่ยานพาหนะที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 80 มิลลิกรัมขึ้นไป จะได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้ที่ “เมาแล้วขับ”
สำหรับกฎหมายฉบับใหม่กำหนดบทลงโทษไว้ว่า ผู้ที่ดื่มแล้วขับจะถูกยึดใบอนุญาตขับขี่ และต้องรอนานถึง 5 ปี จึงจะสามารถขอใบขับขี่ใหม่ได้ ส่วนผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะในขณะมึนเมาอันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ อย่างน้อยสุด 2 คน จะถูกสั่งห้ามขับขี่ยานพาหนะตลอดชีวิต และหากผู้ขับขี่ฯ คนใด กระทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรงจะถูกจำคุก
ก่อนหน้านี้ในเดือน ก.ค. 2552 ศาลเมืองเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลเสฉวน เคยพิพากษาตัดสินประหารชีวิตนายซุน เหวยหมิง ในความผิดก่ออันตรายต่อสาธารณะ โดยขับรถขณะเมาสุราและชนคันอื่นเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 4 รายมาแล้ว ซึ่งในเวลาต่อมามีการลดโทษให้เหลือจำคุกตลอดชีวิต นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ปีนี้ ศาลประชาชนเขตตงเฉิง กรุงปักกิ่ง ยังได้พิพากษาลงโทษจำคุกนายเกา เสี่ยวซง นักแต่งเพลง-โปรดิวเซอร์ชื่อดังของวงการบันเทิงจีน และกรรมการรายการไชน่า ก็อท ทาเลนท์ ในความผิดฐานขับขี่พาหนะอันน่าจะก่อให้เกิดอันตราย เพราะดื่มสุราเป็นเวลา 6 เดือน และให้ปรับอีก 4,000 หยวนด้วย