xs
xsm
sm
md
lg

ดารารุ่นเก๋า...เมื่อครั้งวัยละอ่อน (1) / หมิงซิงคลับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หมิงซิงคลับสัปดาห์นี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศมาย้อนอดีตกับภาพเก่าๆ ของเหล่าดารารุ่นเก๋า ที่ปัจจุบันถึงแม้วัยจะล่วงเลยจนผันตัวมารับบทพ่อแม่กันแล้ว แต่เมื่อครั้งยังวัยละอ่อน เชื่อหรือไม่ว่าพวกเขาเหล่านั้นหน้าตาหล่อสวยไม่แพ้พระเอก-นางเอกสมัยนี้กันเลยเชียวล่ะ

คนแรกนี้ คอซีรี่ย์ฮ่องกงคงคุ้นหน้าคุ้นตากันดี เพราะเธอคนนี้จะมาคอยสร้างสีสันให้กับละครหลายๆ เรื่อง เธอคือ “จูมี่มี่” บทบาทที่ได้รับส่วนใหญ่จะเป็นตัวละครหญิงที่มีอารมณ์ขัน



จูมี่มี่ ชื่อจริง จู่เยี่ยเหม่ย เกิดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ.1954 ปัจจุบันอายุย่าง 57 ปีแล้ว แต่เธอก็ยังมีความสุขกับงานที่ทำ หลายคนอาจคิดว่าเธอเป็นชาวฮ่องกงโดยกำเนิด แต่จริงๆ จูมี่มี่เกิดที่มาเลเซีย แล้วไปเติบโตอยู่ที่สิงคโปร์ พออายุได้ 12 ขวบซึ่งเป็นวัยเล่าเรียน เธอกลับกลายเป็นเสาหลักของครอบครัว ด้วยการร้องเพลงตามไนท์คลับยามค่ำคืนเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ซึ่งมีลูกมากถึง 9 คน โดยเธอเป็นคนที่ 6

เพราะเกิดในครอบครัวยากจน ทำให้ความคิดความอ่านโตเกินเด็กรุ่นเดียวกัน จูมี่มี่เริ่มเรียนร้องเพลงตั้งแต่อายุ 14 จากนั้นมีโอกาสได้แสดงความสามารถออกโทรทัศน์สิงคโปร์ และได้ออกเทปภาษาจีนกลาง แต่ไม่ได้รับความนิยมนัก ผนวกกับศิลปินไต้หวันเริ่มรุกคืบเข้ามาชิงตลาด จูมี่มี่จึงได้ตัดสินใจไปแสวงหาความก้าวหน้าที่ฮ่องกงในปี 1979 และมีโอกาสได้ออกเทปเพลงพื้นบ้านกวางตุ้ง

ที่ฮ่องกงจูมี่มี่ได้แต่งงานมีครอบครัวและมีลูกชายสองคน แต่ภายหลังสามีและลูกของเธอได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่สิงคโปร์ ส่วนเธอตัดสินใจปักหลักทำงานที่ฮ่องกงต่อ ในปี 1992 เธอมีโอกาสได้แสดงหนังเรื่องแรกกับโจวซิงฉือเรื่อง “Justice My Foot คนเล็กสะท้านยุทธจักร” จากนั้นก็ได้ร่วมงานกันอีกหลายเรื่อง เช่น “Sixty Million Dollar Man คนไม่ธรรมดายืดได้หดได้”, “Fight back to school 3 คนเล็กนักเรียนโต 3” และช่วงนี้เองก็มีโอกาสเข้ามาเซ็นสัญญาเป็นดาราในสังกัดทีวีบี

จูมี่มี่กล่าวว่า “ตอนนี้นึกย้อนไป ฉันรู้สึกภูมิใจกับตัวเองมาก ตอนนั้นฉันตัวคนเดียวจากสิงคโปร์มาฮ่องกง ไม่มีญาติ ไม่รู้จักใครเลย สุดท้ายฉันก็สามารถยืนหยัดอยู่ในฮ่องกงมาได้ถึง 20 ปี แถมยังนับได้ว่าประสบความสำเร็จ ดังนั้นฉันสามารถยืดอกพูดกับทุกคนได้อย่างไม่อายปากว่า เงินทุกสตางค์ของฉัน ได้มาอย่างขาวสะอาด”



******************

ดารารุ่นเก๋ามากด้วยฝีมือคนถัดมา เธอชื่อว่า หลี่ซือฉี ผลงานที่ทำให้เป็นที่รู้จักได้แก่บทบาทแม่ผู้แสนดีในเรื่อง ศึกชิงมรดก ราชาเป๋าฮื้อ, มรสุมชีวิต ลิขิตพระจันทร์ และเกมธุรกิจ ชีวิตมายา


(บน) รับบท เปาซีรั่ว ในมังกรหยกปี 1983 (ล่าง) รับบท แม่เหอ ในเรื่อง มรสุมชีวิต ลิขิตพระจันทร์ เมื่อปี 2008
หลี่ซือฉี หรือ Louise Lee เกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ.1950 ปัจจุบันอายุ 61 ปี เธอเข้าสู่วงการด้วยการคว้ามงกุฎเวทีประกวดความงาม “พริ้นเซส ออฟ ฮ่องกง” ในปี 1968 หลังจากนั้นมีโอกาสได้เซ็นสัญญาเล่นละครกับทีวีบี ช่วงปี 70-80 หลี่ซือฉี วังหมิงฉวน หวงซูอี๋ และเจ้าหย่าจือ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “สี่บุปผาแห่งทีวีบี” เลยทีเดียว

บทบาทของเธอที่ยังติดตาอยู่คือบท “เปาซีรั่ว” แม่ของเอี้ยคังในมังกรหยกภาคก๊วยเจ๋ง-อึ้งย้งในปี 1983 (เวอร์ชั่นหวงยื่อหัว-องเหม่ยหลิง) แต่น่าเสียดายทำงานในวงการได้ไม่นานเธอก็ตัดสินใจลาวงการ โดยในปี 1985 เธอถ่ายทำเรื่อง “ชั่วถี่อินหยวน” 《错体姻缘》 จบก็ย้ายถิ่นฐานไปอยู่แคนาดา และได้รับเชิญจากสถานีโทรทัศน์ภาษาจีนของที่แคนาดาเชิญให้ไปร่วมงานด้วย

หลี่ซือฉีถือได้ว่าเป็นสาวงามอาภัพรัก ในปี 1971 เธอตัดสินใจแต่งงานกับเย่จื้อเผิง ในปี 1974 ก็ให้กำเนิดบุตรสาวคือ เย่จื่อชิง (เคยแสดงเป็นนางเอกเรื่องศึกเทพยุทธมังกรฟ้า) แต่เพราะจับได้ว่าสามีนอกใจ จึงได้หย่าร้างกันในปี 1989 ต่อมาแต่งงานใหม่กับเหอเหว่ยเฉียงในปี 1992 แต่อยู่กินกันได้ 3 ปีก็เตียงหัก ก่อนจดทะเบียนหย่าในปี 1999

ต่อมาในปี 2001 หลี่ซือฉีเผชิญมรสุมชีวิตครั้งใหญ่กว่าเดิม เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก หลังจากต่อสู้กับโรคร้ายจนสำเร็จ เธอตัดสินใจกลับสู่วงการบันเทิงอีกครั้ง ด้วยการรับบทแม่ผู้มีความรักอันยิ่งใหญ่ในซีรี่ย์ “ศึกชิงมรดก ราชาเป๋าฮื้อ” ด้วยฝีมือการแสดงชนะเลิศ จึงได้คว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในปี 2007 และคว้ารางวัลนักแสดงหญิงยอดนิยมในปี 2008 จากบทแม่ในเรื่อง “มรสุมชีวิต ลิขิตพระจันทร์” ด้วยเช่นกัน



******************

และดารารุ่นเก๋าคนสุดท้ายที่จะนำเสนอในสัปดาห์นี้ หลายคนคงรู้จักกันดี...เธอคือ “เจิ้งเพ่ยเพ่ย” ยอดหญิงนักบู๊แห่งชอว์บราเธอร์สที่มีชื่อเสียงอย่างมากในยุค 60...


เจิ้งเพ่ยเพ่ย รับบทนำในเรื่อง หงส์ทองคะนองศึก
เจิ้งเพ่ยเพ่ย เป็นชาวเซี่ยงไฮ้โดยกำเนิด เกิดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ.1946 ปัจจุบันอายุ 65 ปี ย้อนไปเมื่อช่วงที่เธอเรียนหนังสืออยู่ที่เซี่ยงไฮ้ เจิ้งเพ่ยเพ่ยเคยเรียนบัลเล่ต์อยู่ถึง 6 ปี ต่อมาในปี 1960 เธอเดินทางมาที่ฮ่องกง และในปี 1963 เธอก็สอบเข้าเป็นนักเรียนการแสดงรุ่นที่ 2 ของชอว์ บราเธอร์สได้สำเร็จ เมื่อเรียนจบก็ได้เป็นนักแสดงในสังกัดของชอว์ บราเธอร์

ในช่วงแรกๆ บทบาทที่ได้รับยังเป็นเพียงตัวประกอบเสียส่วนใหญ่ แต่แล้วโชคชะตาก็พลิกผันเมื่อหูจินเฉวียน ผู้กำกับหนังกำลังภายในยุคแรกๆ ที่ได้รับยกย่องให้เป็น “ปรมาจารย์หนังกำลังภายในของฮ่องกง” เห็นแววความสามารถของเธอ และตัดสินใจให้เธอมารับบทนางเอกในเรื่อง “หงส์ทองคะนองศึก” (Come Drink With Me) ซึ่งก็ส่งให้ชื่อของเจิ้งเพ่ยเพ่ยดังเปรี้ยง ขึ้นทำเนียบยอดหญิงนักบู๊อันดับต้นของวงการ ในปี 1964 เธอยังเป็นชาวจีนคนแรกที่ได้รับรางวัลนักแสดงแอคชั่นยอดเยี่ยมจากสมาคมผู้สร้างหนังนานาชาติด้วย

ระหว่างที่อยู่กับชอว์ บราเธอร์ส เจิ้งเพ่ยเพ่ยได้แสดงหนังมากกว่า 20 เรื่อง แต่ในขณะที่หน้าที่การงานยังรุ่งโรจน์ เธอตัดสินใจอำลาวงการ แต่งงานและไปอยู่สหรัฐฯ หลังแต่งงานเธอเข้าศึกษาต่อด้านบัลเล่ต์ที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามชีวิตรักของเจิ้งเพ่ยเพ่ยไม่เป็นอย่างที่หวัง เธอตัดสินใจจบชีวิตคู่ในปี 1987 โดยขณะนั้นเธอมีลูกสาว 3 คน และลูกชาย 1 คน หลังจากนั้นในปี 1992 เจิ้งเพ่ยเพ่ยตัดสินใจหวนคืนวงการบันเทิงอีกครั้ง

ผลงานยุคหลังที่สร้างชื่อให้เธอเป็นที่รู้จักระดับนานาชาติอีกครั้งก็คือบทบาท “จิ้งจอกหยก” ในหนังระดับรางวัลอย่าง Crouching Tiger, Hidden Dragon (พยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก) ของผู้กำกับอั้งลี่ในปี 2000 เรื่องนี้เองส่งให้เธอคว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากงานประกาศรางวัลภาพยนตร์ Hongkong Film Awards ในปี 2001 มาครอง และเส้นทางอาชีพของเธอก็กลับมาสดใสอีกครั้ง



******************
กำลังโหลดความคิดเห็น