เอเอฟพี - บริษัทท่องเที่ยวเผยวันจันทร์ (13 มิ.ย.) ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติถูกสั่งห้ามเข้าไปเที่ยวในทิเบตจนกว่าจะถึงปลายเดือนก.ค. ซึ่งการห้ามฯ ลักษณะเช่นนี้ ในปี 2554 เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้ว
พนักงานศูนย์บริการการท่องเที่ยวของจีน หรือ China Travel Service ในนครลาซา ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีทางโทรศัพท์ว่า “ขณะนี้เราไม่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ” เสริมว่า ศูนย์การท่องเที่ยวได้รับแจ้งว่า คำสั่งห้ามรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 26 ก.ค.
ขณะเดียวกันคนงานของศูนย์บริการการท่องเที่ยวทิเบต ยูธ ทราเวล เซอร์วิซ ก็ยืนยันคำสั่งห้ามนี้ฯ โดยให้รายละเอียดว่า คำสั่งฯ มีผลในวันอังคาร (14 มิ.ย.) พร้อมกับเชื่อมโยงไปถึงการฉลองครบ 60 ปีที่จีนเข้าปกครองทิเบต ซึ่งมีกำหนดการเฉลิมฉลองในเดือนก.ค.
หนังสือพิมพ์โกบอลไทมส์ ยกคำกล่าวของผู้จัดการการท่องเที่ยวในลาซาทางเว็บไซต์ว่า “บรรดาผู้ประกอบการการท่องเที่ยวจะไม่รับนักท่องเที่ยวที่ถือหนังสือเดินทางต่างชาติจนกว่าจะถึงกลางเดือนส.ค. เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย”
กรมการท่องเที่ยวประจำภูมิภาคฯ ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเมื่อเอเอฟพีสอบถาม ขณะที่โฆษกรัฐบาลของทิเบตกล่าวว่า “เขาไม่เรื่องนี้มาก่อน”
ความตึงเครียดฝังรากลึกในทิเบต ชาวทิเบตจำนวนมากประณามรัฐบาลจีนว่าพยายามทำลายวัฒนธรรมทิเบต พร้อมกับเห็นว่าจีนกำลังครอบงำทิเบตด้วยชาวฮั่นซึ่งเป็นชนชาติส่วนใหญ่ของจีน
การจลาจลต่อต้านรัฐบาลจีนก่อตัวขึ้นในเมืองลาซา เมื่อเดือนมี.ค. 2551 และขยายตัวไปสู่มณฑลรอบข้างที่มีชาวทิเบตอาศัยอยู่
เมื่อต้นปี 2551 ที่เกิดเหตุความไม่สงบฯ นักท่องเที่ยวต่างประเทศก็ถูกสั่งห้ามมิให้มาเที่ยวทิเบตเป็นเวลานานกว่า 12 เดือน
สำหรับเดือนมี.ค.ในปีนี้ ทิเบตก็ถูกปิดตัวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก เนื่องจากเป็นการครบรอบเหตุจลาจลฯ ปีที่ 3 ขณะที่บริษัทท่องเที่ยวชี้ว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถมาเที่ยวทิเบตได้ในช่วงเดือนเม.ย. ถึง มิ.ย.
แม้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะได้รับอนุญาตให้เที่ยวทิเบตได้ แต่รัฐบาลจีนก็เข้มงวดด้านคุณสมบัติ นอกจากต้องถือวีซ่าจีนแล้ว นักท่องเที่ยวยังต้องได้รับอนุญาตแบบพิเศษ และมาแบบกรุ๊ปทัวร์เท่านั้น
จีนกล่าวว่า มาตรฐานการครองชีพในทิเบตยกระดับขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่จีนเข้าปกครองฯ ในปี 2494 และนับแต่เกิดเหตุจลาจลเมื่อปี 2551 จีนได้เพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเข้มงวดเสมอมา
นอกจากนั้น ในช่วงต้นปีนี้มีการเดินขบวนในมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) หลังเกิดเหตุพระทิเบตเผาตัวอัตวินิบาตกรรม และมรณภาพในครั้งนั้น