เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ชาวเน็ตจีนหลายแสนคนเริ่มเข้าเว็บไซต์ต่างประเทศไม่ได้ เนื่องจากเครื่องมือยอดฮิตที่ใช้เลี่ยงการเซ็นเซอร์ของมหากำแพงไฟที่เรียกว่า “เครือข่ายวีพีเอ็น” เริ่มใช้การไม่ได้
ชาวเน็ตจีนหวาดหวั่นว่า ปฏิบัติการทะลายเครื่องมือเลี่ยงกำแพงไฟนี้ฯ เป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลจีนเพื่อจำกัดเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต
ระบบเครือข่ายส่วนตัวผ่านสาธารณะหรือวีพีเอ็น (virtual private network) ที่เชื่อมต่อในเครือข่ายมหาวิทยาลัยจีน และบริษัทสำนักงานต่าง ๆ หลายแห่ง นั้นไม่สามารถให้บริการได้ ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค. สำหรับการเข้าเว็บไซต์ อาทิ Gmail, Facebook และ YouTube ด้วยเครือข่ายวีพีเอ็นนั้นมักจะถูกบล็อกบ่อยครั้ง
บริการเครือข่ายวีพีเอ็น สามารถสร้างรหัสลับเชื่อมโยงถ่ายโอนข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ได้ ซึ่งเป็นทางเลือกที่จะเลี่ยงระบบเซ็นเซอร์ของรัฐบาลจีนได้ บริษัทและมหาวิทยาลัยที่ใช้เครือข่ายวีพีเอ็นในการเชื่อมต่อกันเองนั้นสามารถเชื่อมกันได้โดยตรงภายใต้บริการของเครือข่ายของกลุ่ม เช่น เซอร์เวอร์หรือฐานข้อมูลของบริษัทในเครือเดียวกัน เป็นต้น
ขณะนี้ปัญหาได้เกิดขึ้นกับผู้ใช้บริการเครือข่ายวีพีเอ็น ไม่ว่าจะเป็นบริษัท หรือมหาวิทยาลัย ส่วนชาวเน็ตทั่วไปที่ใช้อยู่ในบ้านไม่ได้รับผลกระทบนี้
ห้องสมุดมหาวิทยาลัยเซาท์เทิร์น เมดิคัล ในก่วงโจว โพสต์ข้อความระบุว่า ชาวเน็ตไม่สามารถเชื่อมโยงฐานข้อมูลการวิจัยกับต่างชาติได้ ขณะที่สื่อจีนรายงานว่า เจ้าหน้าที่บริษัทไอบีเอ็มก็ไม่สามารถเข้าเว็บไซต์ของบริษัทฯ ได้ เมื่อใช้การเชื่อมโยงด้วยวีพีเอ็น นอกจากนั้นทั้งโปรแกรมเมอร์และวิศวกรอินเทอร์เน็ตบางคนของบริษัทเทนเซนต์สาขาเซินเจิ้นและบริษัทเซิ่งต้า อินเตอร์แอคทิฟว์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ แห่งเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นสองบริษัทเน็ตยักษ์ใหญ่ของจีนได้แถลงว่า พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าใช้เครือข่ายวีพีเอ็นของตนเองได้เช่นกัน
“วีพีเอ็นวีไอพี” ผู้ประกอบการเครือข่ายวีพีเอ็นซึ่งมีฐานอยู่ที่สหรัฐฯ ขณะนี้ก็ออกมาเตือนผู้ใช้งานของตนให้เปลี่ยนชื่อเซอร์เวอร์ เนื่องจากเชื่อว่า ชื่อเดิมที่ใช้นั้นถูกรัฐบาลจีนจารกรรมไปเรียบร้อยแล้ว
ความขัดข้องในการเข้าใช้วีพีเอ็นนั้นยังไม่ชัดเจน ขณะที่บางคนเชื่อว่าเป็นการปราบปรามจากรัฐบาลจีน บางคนกล่าวว่าเป็นเหตุผลเชิงพาณิชย์มากกว่า
ประชาชนกล่าวโทษรัฐบาลจีน โดยชี้ว่า ความขัดข้องในการใช้เครือข่ายวีพีเอ็นนั้นเกิดขึ้นประจวบเหมาะกับการประกาศของซินหวาเมื่อวันที่ 4 พ.ค. ว่าสำนักข้อมูลข่าวสารอินเทอร์เน็ตของรัฐบาล จะปรับระบบออนไลน์ให้สอดคล้องกันโดยผู้ที่มีอำนาจสั่งการได้แก่ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ และกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสำนักสภาข้อมูลข่าวสารแห่งรัฐ ซินหวากล่าว
ผู้ดูแลเว็บ bestvpnservice.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์และไมโครบล็อกที่เปิดพื้นที้ใข้อมูลการใช้วีพีเอ็นเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับของรัฐบาลจีน ชี้ว่า การห้ามบริการวีพีเอ็นและการบล็อกเว็บไซต์ต่างประเทศนั้น ทั้งหมดเชื่อมโยงกับสิ่งที่ซินหวาประกาศไว้ ว่า “บริษัทและมหาวิทยาลัยทั้งหลายเป็นเป้าหมายสำคัญที่รัฐเพ่งเล็ง”
วิลเลียม หลง บล็อกเกอร์จากเซินเจิ้น เผยว่ามหากำแพงไฟที่ปรับปรุงล่าสุดของรัฐบาลจีนอาจจะสามารถติดตามการเชื่อมโยงไอพีแอ็ดเดรสของเว็บไซต์ต่างชาติในจีนได้ แต่สำหรับการบล็อกเครือข่ายวีพีเอ็นนั้นเป็นแรงจูงใจเชิงพาณิชย์มากกว่า
ผู้ให้บริการเน็ตยักษ์ใหญ่บนแผ่นดินจีนอย่างไชน่าเทเลคอม จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มสำหรับบริการข้อมูลข่าวสารต่างประเทศ ส่งผลให้บริษัทมีแรงจูงใจที่จะลดการเข้าใช้เครือข่ายวีพีเอ็น เนื่องจากต้องเสียต้นทุนเพิ่ม
ศาสตราจารย์ฟัง ปินซิง เจ้าพ่อมหากำแพงไฟ แห่งมหาวิทยาลัยการไปรษณีย์และโทรคมนาคมปักกิ่ง ชี้ว่า ความขัดข้องในการเข้าใช้บริการเกิดจากความกังวลเรื่องต้นทุนของบริษัทผู้ให้บริการมากกว่า
“ผู้ให้บริการจะต้องจ่ายเพิ่มหากมีการถ่ายโอนข้อมูลจากต่างประเทศ ดังนั้นก็กลายเป็นแรงจูงใจให้บริษัทไม่ให้ชาวเน็ตเข้าเว็บต่างประเทศ” โกลบอลไทมส์สื่อกระบอกเสียงรัฐบาลจีนเผย
นักวิจัยจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮ่องกง ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านกฎหมายเซ็นเซอร์ของจีนแผ่นดินใหญ่ชี้ว่าอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าใครเป็นต้นตอของปัญหา หลักฐานการรายงานที่เกี่ยวข้องตอนนี้มีน้อยมาก ยังไม่เพียงพอ เขาชี้ด้วยว่า คำประกาศของสำนักอินเทอร์เน็ตและข้อมูลข่าวสารแห่งรัฐนั้น เกี่ยวข้องกับเรื่องเครือข่ายวีพีเอ็นน้อยมาก
เหตุผลที่น่าเชี่อถือที่สุดควรจะมาจากการพัฒนายกระดับมหากำแพงไฟของรัฐบาลจีน ที่ส่งผลให้เกิดความขัดข้องอย่างคาดไม่ถึงมากกว่า