xs
xsm
sm
md
lg

กว่าจะถึง ฟั่น ปิงปิง มองความงามสาวจีนในรอบ 100 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศตวรรษที่ 21 เป็นยุคมาตรฐานความงามหลากหลาย ความอ่อนหวานก็เรียกว่างาม รูปโฉมเซ็กซี่ก็เรียกว่างาม เสน่ห์แบบโบราณก็เรียกว่างาม ดั่งซุปเปอร์สตาร์ 16 คนในภาพ ต่างก็มีความสวยงามคนและแบบ...
ฟั่น ปิงปิง จังปั๋อจือ เจ้า เหวย หลิน จือหลิน หวัง เฟย ไปถึงหลี่ อี๋ว์ชุน ต่างมีดวงหน้า รูปร่าง ที่งดงาม หรือไม่ก็ทรงเสน่ห์เย้ายวนใจดึงดูด ผู้คนในยุคปัจจุบัน จนกล่าวได้ว่าในยุคปัจจุบัน ไม่มีเกณฑ์ตายตัวที่ตัดสินความงาม เป็นยุคแห่งความงามที่หลากหลาย

สื่อจีนได้ขุดค้นสำรวจหญิงสาวที่เป็นตัวแทนที่สะท้อนมาตรฐานงามแห่งยุคต่างๆของแผ่นดินจีนในรอบ 100 ปี นับจากช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่จากปลายยุคการปกครองราชวงศ์กษัตริย์ สู่สาธารณรัฐจีน ถึงสาธารณรัฐประชาชนจีนในระบอบคอมมิวนิสต์ และก็ได้พบว่าแต่ละยุคสมัยนั้น มีเกณฑ์มาตรฐานหรือแนวความคิดเกี่ยวกับเสน่ห์ความงามของอิสตรีที่แตกต่างกันไปอย่างน่าสนใจและมีสีสันให้ได้คิดถึงคุณค่าความงาม โดยมาตรฐานความงามนี้ มิใช่เพียงความงามอย่างผิวเผินที่มองเห็นกันจากรูปลักษณ์ภายนอก หากเป็นความงามจากความคิด ทัศนะ บุคลิกตัวตน การแสดงออก การดำเนินชีวิต ที่เป็นที่ชื่นชมและแบบอย่างของสังคมในยุคสมัยนั้น
ไซ่ จินฮวา มาตรฐานความงามแห่งยุค ค.ศ.1900-1909 (2443-2452)
ค.ศ.1900-1909 (2443-2452)
ระหว่างช่วงยุคนี้ วัฒนธรรมตะวันตกเริ่มแพร่เข้ามาในจีน ทั้งสินค้า ศาสนา ฯลฯ สื่อจีนยังได้ฉายวิถีชีวิตแบบตะวันตกให้ผู้คนในสังคมจีนได้เห็น หนังสือเกี่ยวกับสิทธิสตรีหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย หนังสือฯเหล่านี้ได้สร้างกระแสนิยมที่พลิกมาตรฐานความงามของสตรีในจีน ที่อาจสรุปเป็นสโลแกนได้ คือ “ตัดผมสั้น อ่านหนังสือ เข้าร่วมการเมือง” กระแสดังกล่าวแทรกซึมเข้ามาในสังคมจีน โดยถูกมองเป็นกระบวนการถ่ายเทของเก่าออกไปและรับสิ่งใหม่เข้ามา จนคนรุ่นใหม่ในยุคนั้นได้ปรับความคิดในการยอมรับการชื่นชมตะวันตกและความรักชาติ ได้อย่างกลมกลืน

ไซ่ จินฮวา (1870-1936) เป็นตัวแทนสะท้อนมาตรฐานความงามของยุคนี้ ไซ่ จินฮวา ได้ติดตามสามีนักการทูตไปใช้ชีวิตในประเทศยุโรปสี่ประเทศ ด้วยประวัติประสบการณ์ชีวิตที่โดดเด่นเช่นนี้เอง ทำให้ไซ่ จินฮวา กลายเป็นดาวเด่นแห่งสังคมชั้นสูง “ซั่งไห่ทาน” ในนครเซี่ยงไฮ้

ด้วยความสามารถในการพูดภาษาเยอรมนี ไซ่ จินฮวาจึงได้มีบทบาทในการเจรจากับนายทหารระดับสูงชาวเยอมรนีของกองกำลัง 8 ชาติ ที่บุกรุกจีนในช่วงปีค.ศ. 1900 เพื่อช่วยชีวิตชาวจีน เธอมีบทบาทในการต่อต้านกองกำลังต่างชาติที่รุกรานประเทศจีนในขณะนั้น จนในแวดวงซุบซิบลือกันว่าเธอ “เอาตัวเข้าแลก ช่วยชาติ”

ไซ่ จินฮวา เป็นหญิงสาวที่มีความงามแบบแม่นางแบบเก่าของจีนเป็นพื้นฐาน การผนึกความงามแบบตะวันตกเข้าไว้ในตัว เปรียบเสมือน “ยาเร่งเสน่ห์” ที่สังคมจีนในยุคนั้นสามารถรับได้
หยัง ปู้เหว่ย มาตรฐานความงามแห่งยุค ค.ศ.1910-1919 (2453-2462)
1910-1919 (2453-2462)
ในช่วงต้นศตวรรษนี้ ขบวนการปลดปล่อยสตรีเข้ามามีบทบาทในแผ่นดินจีนจากสังคมที่ผู้หญิงถูกจับแต่งงานแบบคลุมถุงชน หญิงจีนในยุคนี้เริ่มมีอิสระในเรื่องความรัก การเลือกคนรักคู่ครอง พิธีแต่งงานแบบใหม่เริ่มแพร่หลาย “ขบวนการสร้างวัฒนธรรมใหม่” ในขณะนั้น มีอิทธิพลเหนือสตรีเพศอย่างสูง ผู้หญิงสลัดชุดแบบระเพณี มาสวมชุดกระโปรงยาวทรงแคบคอสูง หรือไม่ก็สวมกระโปรงยาวสีดำและเสื้อแบบเรียบง่าย และสวมเครื่องประดับน้อยชิ้นลง คนในยุคนั้นได้เรียกขานการแต่งกายแบบนี้ว่า “การแต่งกายที่ศิวิไลซ์”

หยัง ปู้เหว่ย ตัวแทนหญิงงามแห่งยุคนี้ เธอเดินทางไปศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น และจบการศึกษาปริญญาเอกด้านการแพทย์ จากมหาวิทยาลัยโตเกียว และได้กลับมาเปิดร้านขายยาที่ปักกิ่ง เธอถึงกับประกาศว่า “จะไม่แต่งงานตลอดชีวิต” ซึ่งสร้างกระแสที่ล้ำสมัยแห่งยุค แม้คำประกาศของเธอจะถูกลบล้างไปในไม่นาน หลังจากที่เธอแต่งงานกับเจ้า หยวนเหริน แต่ความงามที่ซ่อนลึกอยู่ในตัว อาชีพที่โดดเด่น ความเป็นตัวของตัวเองที่สร้างความตื่นตะลึงแก่ผู้คน ก็ส่งให้หญิงสาวหน้าตาเรียบๆที่ไม่สวยแบบสะดุดตา ทรงเสน่ห์ฉายโชนที่กลายมาเป็นความงดงามแห่งยุคนั้น
หลิน ฮุ่ยอิง มาตรฐานความงามแห่งยุค ค.ศ.1920-1929 (2469-2472)
1920-1929 (2469-2472)
นับเป็นยุคทองของผู้หญิงเก่งที่เพียบพร้อมด้วยรูปสมบัติ ชาติตระกูล ระหว่างยุคนี้ ได้เกิด “ขบวนการสี่พฤษภาคม” ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวปฏิรูปสังคมจีนที่ช่วยขับไล่บรรยากาศเก็บกดเครียดขึงในสังคม และสร้างบรรยากาศสดใหม่ขึ้น กวีนามกระเดื่อง หลิว ปั้นอี ยังได้กำหนดคำสรรพนามบุรุษที่สามเรียกผู้หญิง ที่บ่งบอกเพศหญิง 她แม้การบุกเบิกเขียนภาพนู้ดในสังคมจีนของจิตรกรหลิว ไห่ซู่ จุดชนวนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ฮือฮา แต่ชาวจีนจำนวนมากก็ไม่ปฏิเสธสิ่งใหม่ๆอย่างการวางแผนครอบครัว การคุมกำเนิด ตลอดจนการปฏิวัติเสื้อชั้นในสตรี สาวจีนที่เคยถูกแถบผ้ารัดทรวงอกจนแบบราบดังหน้าอกผู้ชาย สามารถลุกขึ้นมาสวมชุดฉีเผา (กี่เพ้า) ยืดอกอวดทรวงทรงอย่างภาคภูมิใจ

ตัวแทนผู้หญิงแห่งยุค ได้แก่ หลิน ฮุ่ยอิง หลิน ฮุ่ยอิงมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวที่ซับซ้อนกับกวีแนวโรแมนติกชื่อดัง สี่ว์ จื้อหมัว กระนั้นก็ตาม ผู้คนในยุคนั้น ก็ยกให้หลิน ฮุ่ยอิง ผู้เพียบพร้อมด้วยรูปสมบัติ ชาติตระกูล อีกทั้งมีความคิด ความสามารถและเป็นศิลปิน เป็นแบบอย่างใหม่ของยุค
หู เตี๋ย มาตรฐานความงามแห่งยุค ค.ศ.1930-1939 (2473-2482)
1930-1939 (2473-2482)
เป็นยุคแห่งหญิงงามที่ผสมผสานเสน่ห์แบบจีนและตะวันตกได้อย่างลงตัว “ลมตะวันตก” ได้พัดพาแฟชั่นจากกรุงปารีสข้ามน้ำข้ามทะเลมายังนครเซี่ยงไฮ้ และเมืองใหญ่อื่นๆ นิตยสารจีนของค่ายยักษ์ใหญ่เริ่มเปิดคอลัมน์แฟชั่นเสื้อผ้า นางแบบในชุดเสื้อผ้าแบบใหม่ต่างๆที่ขึ้นปกนิตยสารในแต่ละเดือน ได้ช่วยโหมกระพือวัฒนธรรมการแต่งกายรูปแบบใหม่ และฉีเผาก็เป็นชุดเสื้อผ้าที่เปลี่ยนแปลงเร็วมากในยุคนี้ โดยแบบชุดฉีเผาที่ได้รับความนิยมเปลี่ยนแปลงไปทุกปี และแบบยอดนิยมก็คือชุดที่มีการออกแบบผสมผสานระหว่างแบบจีนและตะวันตก การสวมชุดฉีเผากับเสื้อนอกแบบตะวันตก ด้วยแบบชุดกระโปรงยาวของฉีเผาที่ผ่าลึกขึ้นมาถึงขาอ่อน ช่วงเอวเข้ารูปเนียบลำตัว ทำให้ผู้หญิงจีนได้เผยแสดงเสน่ห์ทางเพศในชุดเสื้อผ้าที่สวมใส่กันเป็นครั้งแรก

หู เตี๋ย เธอผู้นี้มีรูปสมบัติต้องตามมาตรฐานแม่นางแห่งยุคสาธารณรัฐจีน นอกจากมีดวงหน้าดั่งจานเงินนัยน์ตาสุกใสฟันขาวผิวเนียนนุ่นแล้ว หูเตี๋ยยังมีเอกลักษณ์ประทับที่สองแก้มคือลักยิ้มที่ดูเย้าใจพาฝัน ทำให้สาวๆที่มีลักยิ้มในยุคนั้นพลอยมีวาสนาเยี่ยงเทพีงามแห่งยุค หู เตี๋ยยังมีกิริยาท่วงท่าตามแบบฉบับประเพณี อ่อนโยน ซื่อตรง ....อันเป็นลักษณ์ที่ชาวจีนนับพันปีเรียกว่า เป็นราศีของคนมีวาสนาอายุยืน หู เตี๋ยยังได้เข้าร่วมการประชุมคัดเลือกแฟชั่นเสื้อผ้าของนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมักแสดงแบบเสื้อผ้าแบบตะวันตก ทั้งชุดกระโปรง และชุดงานเลี้ยงกลางคืน ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้สะท้อนถึงแก่นความงามที่ผสมผสานระหว่างเสน่ห์แบบจีนและตะวันตกของนครเซี่ยงไฮ้ยุคทศวรรษที่ 30 ได้อย่างถูกต้องทุกกระเบียดนิ้ว
ซ่ง เหม่ยหลิง    1940-1949 (2483-2492)
1940-1949 (2483-2492)
นับเป็นยุคที่ชาวจีนต่างยกย่องความงามผู้หญิงแบบ “ดอกไม้เหล็ก” ที่เข้าร่วมการต่อสู้ทางการเมือง ตลอด 10 ปีนี้ ประเทศจีนเต็มไปด้วยศึกสงครามกลุ้มรุมไม่หยุดหย่อน ปี 1937 กองทัพแห่งพระจักรพรรดิญี่ปุ่นบุกจีน นครเซี่ยงไฮ้กลายเป็นสนามรบ ประชาชนขาดแคลนปัจจัยสี่ ผู้คนต่างมีชีวิตอย่างอกสั่นขวัญแขวน ใครจะมีกะจิตตะใจคิดถึงแฟชั่นความสวยงาม? สงครามทำให้ชีวิตผู้คนเบาหวิวราวขนนก

ซ่ง เหม่ยหลิง แม้ซ่ง เหม่ยหลิงแห่งตะกูลซ่งที่มั่งคั่งและทรงอิทธิพล เคยทำให้แฟชั่นชุดแต่งงานในนครเซี่ยงไฮ้เฟื่องฟูในช่วงทศวรรษที่ 20 ด้วยชุดแต่งงานอันแสนหรูหราฟู่ฟ่าที่เธอสวมในวันแต่งงานกับเจียง ไคเช็ค แต่จริงๆแล้วสิ่งที่ส่งให้ชื่อของหญิงงามผู้นี้ขจรขจายถึงซีกโลกตะวันตก ก็คือ สงครามและการเมือง หลังจากที่สงครามต่อต้านญี่ปุ่นสิ้นสุดลง ซ่ง เหม่ยหลิงได้เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อแนวโน้มให้ผู้นำสหรัฐฯสนับสนุนประเทศจีน ซ่ง เหม่ยหลิงได้ใช้ภาษาอังกฤษแสดงวาทะศิลป์แก่ที่ประชุมร่วมทั้งสองสภาในวอชิงตัน จนเป็นที่ชื่นชมในหมู่อเมริกันชน
Katyusha มาตรฐานความงามแห่งยุค ค.ศ.1950-1959 (2493-2502)
1950-1959 (2493-2502)
เป็นยุคหนุ่มสาวผู้เสียสละ หลังการปฏิวัติจีนใหม่และก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์ สาวจีนก็กลายเป็นผู้หญิงแห่งสังคมใหม่ สลัดพันธนาการที่มัดมือมัดเท้าพวกเธอ ตบเท้าออกจากบ้าน มีงานอาชีพและแวดวงของตัวเอง ละทิ้งความฟุ้งเฟ้อ ไม่แต่งหน้าแต่งตัว พร้อมมอบความบริสุทธิ์ความงามแห่งวัยสาวให้แก่คนรักที่เทิดทูนบูชาที่สุด ในยุคนี้สาวจีนที่การศึกษามหาวิทยาลัยจำนวนมากคลั่งไคล้ทหาร ผู้ใช้แรงงาน เกษตรกร โดยที่ไม่สนใจชาติตระกูล ภูมิหลังครอบครัว ระดับการศึกษาวัฒนธรรม สถานภาพทางการงาน แม้กระทั่งความคิดรสนิยมส่วนตัว ขอเพียงเป็นทหาร คนงาน เกษตรกร พวกเธอก็ยินดีพร้อมที่จะแต่งงานด้วย จนกลายเป็นสัญลักษณ์ความงามแห่งยุคสมัยนี้

ตัวแทนความงดงามในอุดมคติของหญิงสาวจีนยุคนี้ กลับกลายเป็น Katyusha ที่จริงแล้ว Katyusha เป็นเพลงรักของรัสเซีย เนื้อเพลงได้พรรณนาถึงทิวทัศน์เมืองเล็กๆที่สวยงาม และสาวน้อยนามว่า Katyusha เฝ้าคิดถึงหนุ่มคนรักที่จากบ้านไปในที่แสนไกล Katyusha ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตที่งดงามในฝันของสาวจีนในยุคทศวรรษ
สิง เยี่ยนจื่อ มาตรฐานความงามแห่งยุค ค.ศ.1960-1969 (2503-2512)
1960-1969 (2503-2512)
ระหว่างทศวรรษที่ 60 เป็นยุคแห่งความวุ่นวาย ทั้งน่าสะเทือนใจที่สุด เป็นยุคที่ผู้นำได้สร้างกฎเหล็กแห่งการปฏิบัติตัวเป็นมาตรฐานเดียวสำหรับทั้งหญิงชาย ซึ่งเป็นระเบียบเข้มงวดแข็งทื่อ ไร้เส้นแบ่งระหว่างเพศ ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงถูกกำหนดให้เป็น “สหาย” “เพื่อนร่วมการต่อสู้” “ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้น” สาวงามทั้งหลายถูกจัดตั้งเป็น “กองทัพหญิงเหล็ก” “หน่วยหญิงส่งเสบียง” แม้จะได้รับการเรียกขานว่า “หญิงสาว” แต่พวกเธอก็ถูกปั้นให้กลายเป็นคนที่ดูแยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย หญิงสาวในยุคนี้นอกจากกู้ร้องเพลงปฏิวัติ “เพียงสองไหล่สองมือ คานหาบเสบียง และสองเท้า เราจะเปลี่ยนแปลงโลกใหม่” แล้ว พวกเธอไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น ไม่แยแสรูปลักษณ์ทั้งความรู้สึกส่วนตัว พวกเธอเป็นทั้งวีรสตรี ขณะนี้เดียวกันก็เป็นเครื่องสังเวย์แห่งยุคสมัยนั้นด้วย

ตัวแทนสาวงามแห่งยุค คือ สิง เยี่ยนจื่อ สาวร่างสูงใหญ่ดูบึกบึน ผิวสีคล้ำ ตัดผมสั้น ในปี 1958 สิง เยี่ยนจื่อสาวน้อยแห่งนครเทียนจินได้อำลาชีวิตที่สะดวกสบายในเมืองใหญ่ลงสู่ชนบทใช้แรงงานเคียงบ่าเคียงไหล่ชาวไร่ชาวนา ระหว่างนั้น มีการจัดตั้งกลุ่มชื่อ “ทีมจู่โจมสิงเยี่ยนจื่อ” ซึ่งได้สร้างผลงานยอดเยี่ยมเป็นที่กล่าวกล่าวขวัญไปทั่วประเทศ สิง เยี่ยนจื่อ มีสมบัติ “หญิงเหล็ก” ตัวแม่เต็มเปี่ยม จึงได้กลายเป็นวีรสตรีแห่งยุคทศวรรษที่ 60
เติ้ง ลี่จวิน มาตรฐานความงามแห่งยุค ค.ศ.1970-1979 (2513-2522)
1970-1979 (2513-2522)
ยุค “ต้องห้าม!” สุดโต่ง ห้ามความสวยงาม ห้ามความรัก ห้ามความรู้สึก ห้ามแม้กระทั่งพูดหรือเผยแพร่คำศัทพ์ “ความรัก” “ความสวยงาม” “ความรู้สึก” โดยมี “การต่อสู้ทางชนชั้น” เป็นกระแสนิยมเพียงหนึ่งเดียวของยุคสมัย การแสดงความรักแม้แต่การเปิดเผยตัวว่าเป็นคู่รักกันก็เป็นเรื่องต้องห้ามด้วย แต่ปุถุชนก็ย่อมไม่อาจตัดรอนธรรมชาติมนุษย์ ดังนั้นความรู้สึกชอบพอรักใคร่ เอื้ออาทรจึงค่อยๆฟื้นชีพขึ้นในหมู่หนุ่มสาวที่ไปใช้แรงงานในชนบท โดยมีสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการกลับมาของเรื่องรักๆใคร่ๆนี้คือ เพลงและบทกวีเกี่ยวกับความรัก โดยจากช่วงปี 1969 การส่งต่อบทเพลง บทกวีเกี่ยวกับความรัก ก็ได้กลายเป็นกระแสนิยมแอบแฝงอยู่ในหมู่หนุ่มสาวที่ไปใช้แรงงานในชนบท

ตัวแทนสาวงามแห่งยุคนั้น คือ เติ้ง ลี่จวิน นักร้องสาวชาวไต้หวันยอดนิยมผู้ขับขานเพลงรักหวานซึ้งการที่เติ้ง ลี่หวิน ได้กลายเป็นวีรสตรีในโลกแห่งความรักของหนุ่มสาวยุคนี้ นับเป็นผลพวงของปรากฏการณ์สุดโต่งที่รุนแรงถึงขีดสุดจนเกิดปฏิกิรยาโต้กลับในทางตรงกันข้าม แม้ว่าจะมีหญิงสาวแบบอย่างในละครที่มีมาตรฐานความสวยงามสอดคล้องกับแบบอย่างประเพณีที่เป็นที่ยอมรับในยุคนั้น แต่น้ำเสียงและบทเพลงที่เติ้ง ลี่จวินขับร้องก็ทรงพลังมากจนทำให้หนุ่มสาวแห่งยุคปฏิวัติวัฒนธรรม ต่างพากันชื่นชม โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาของเติ้ง ลี่จวิน และเสียงของเธอ จะหวานซึ้งเหมือนกันหรือไม่
หลิว เสี่ยวชิ่ง มาตรฐานความงามแห่งยุค ค.ศ.1980-1989 (2523-2532)
1980-1989 (2523-2532)
เมื่อยุคห้ามวัตถุนิยมอย่างสุดโต่งผ่านพ้นไป บริษัทต่างชาติอย่างยูนิลิเวอร์ได้หวนกลับสู่จีนอีกครั้ง เสียงเพลงโฆษณาสบู่ “ลักษ์” ดังขึ้นในประเทศจีน วัฒนธรรมวัตถุเริ่มสำแดงพลังออกมา และเป็นครั้งแรกที่แฟชั่นเริ่มมีราคาสูง พร้อมๆกับที่มาตรฐานหญิงงามแห่งตะวันออกก็เปลี่ยนไป มิใช่หญิงสาวที่อ่อนหวานคอยเอาอกเอาใจเพื่อให้คนมารักใคร่ อาวุธชั้นยอดของหญิงสาวในยุคนี้ คือบุคลิกความเป็นตัวของตัวเองและเสน่ห์

สาวงามแห่งยุค หลิว เสี่ยวชิ่ง สาวคนแรกของยุคนั้นที่ลุกขึ้นมาเท้าเอวประกาศว่า “ฉันเป็นคนสวย” การคุยอวดเสน่ห์ของเธอได้สร้างพื้นฐานใหม่อีกแบบให้แก่ชาวจีนที่เพิ่งปลดเปลื้องตัวเองออกจากการเป็นคนช่างรู้สึกอ่อนไหว แม้ว่าการคุยโวเกี่ยวกับตัวเองของเธอ จะเป็นพฤติกรรมที่ดูน่าตลกขบขัน แต่ผู้คนในยุคนั้น ต่างก็นับถือในบุคลิกที่ไม่ก้มหัวยอมใคร ของเธอ
จัง ม่านอี้ว์ มาตรฐานความงามแห่งยุค ค.ศ.1990-2000 (2533-2543)
1990-2000 (2533-2543)
ยุคทศวรรษที่ 90 นี้ เป็นยุคแห่งข่าวสาร และความเปลี่ยนแปลงมากมาย ที่ผู้คนจะต้องรักษาความสดใหม่ ทุ่มเททุกอย่างเพื่อครองความสวยงาม หญิงงามแบบเก่าได้กลายเป็นอดีต มาตรฐานความสวยงามไม่มีกรอบแบบแผนที่ตายตัวอีกต่อไป การใช้เครื่องสำอางประทินโฉมยิ่งพัฒนาก้าวล้ำ และการขยายตัวของกระแสที่เชื่อกันว่า เพียงการทุ่มทุนไม่อั้น ก็สามารถเนรมิตให้คุณกลายเป็นเทพีผู้เลอโฉม กระทั่งธุรกิจปั้นแต่งความงามเฟื่องฟู

สาวงามแห่งยุค จัง ม่านอี้ว์ เมื่อเธอเริ่มปรากฎตัวในวงการใหม่ ดูไม่ผิดอะไรกับสาวข้างบ้านทั่วๆไป เมื่อสลัดความเป็นเด็กออก ก็ดูแข็งทื่อ เมื่อเธอเจนจัดโลกมากขึ้น ก็แปลงโฉมเป็นสาวสวย กลายเป็นดาราที่ชื่นชอบของสาธารณชน จัง ม่านอี้ว์ ผู้มีใบหน้าที่ไม่สะสวยโดดเด่น สามารถพลิกโฉมแปลงกายเป็นสาวใสซื่อบริสุทธิ์ สาวทรงเสน่ห์เย้ายวนใจ ครองใจผู้คน

ศตวรรษที่ 21 เป็นยุคมาตรฐานความงามหลากหลาย ความอ่อนหวานก็เรียกว่างาม รูปโฉมเซ็กซี่ก็เรียกว่างาม เสน่ห์แบบโบราณก็เรียกว่างาม ดั่งซุปเปอร์สตาร์ 16 คนในภาพ ต่างก็มีความสวยงามคนและแบบ ต่างมีจุดที่ดึงดูดผู้คนเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป

เช่นนี้แล้ว เพียงคุณมีความเชื่อมั่น แสดงเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครออกมา เพียงเท่านี้ คุณก็เป็นหญิงงามคนหนึ่งแล้ว!
กำลังโหลดความคิดเห็น