รอยเตอร์-สื่อญี่ปุ่นชี้ จีนกำลังผลักดันเงินหยวน ให้เป็นองค์ประกอบสกุลเงินหนึ่งในระบบตระกร้าเงิน โดยรวมทั้งระบบตระกร้าเงิน เอสดีอาร์ ของไอเอ็มเอฟ ภายในปี 2558 หรือใน 5 ปี จากการเปิดเผยของ หนังสือพิมพ์ ซันเคอิ ชิมบุง ฉบับวันเสาร์(6 มี.ค.)
ทั้งนี้ นายใหญ่แบงค์ชาติแดนมังกร ผู้ว่าโจว เสี่ยวชวน ได้สร้างความฮือฮาเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว โดยเสนอให้เอสดีอาร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก แทนที่เงินดอลลาร์สหรัฐ
ขณะนี้ สกุลเงินในเอสดีอาร์ ประกอบด้วยสกุลเงินหลักของ 4 ชาติ ได้แก่ ยูโร เยน สเตอลิง และดอลลาร์ โดยนานาชาติทบทวนองค์ประกอบสกุลเงินในตระกร้าเงินกัน ทุกๆ 5 ปี และจะมีการทบทวนในครั้งถัดไป ปลายปี 2553 นี้
สื่อแดนปลาดิบ อ้างแหล่งข่าวการเงินที่พูดกันในกรุงวอชงตัน ว่าผู้นำจีนตั้งเป้าผลักดันให้สกุลเงินหยวน เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสกุลเงินในเอสดีอาร์ ในการทบทวนฯปี 2558 โดยผู้นำจีนได้เจรจาเรื่องนี้แล้วกับประเทศต่างๆได้แก่ สหรัฐฯ และอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม การดันให้หยวนเข้าสู่ เอสดีอาร์ ก็มีอุปสรรค อาทิ จีนจะต้องเปิดเสรีธุรกรรมเงินทุนก่อน นอกจากนี้ สหรัฐฯก็จะคัดค้าน หากจีนยังไม่ยอมปรับค่าเงินหยวนต่อดอลลาร์
ในวันเสาร์(6 มี.ค.) ธนาคารกลางจีนยังคงยืนยันรักษาเสถียรภาพเงินหยวนในปีนี้(2553) และจะปรับความยืดหยุ่นในนโยบายการเงินให้หลอมลงมากที่สุด
ทั้งนี้ นายใหญ่แบงค์ชาติแดนมังกร ผู้ว่าโจว เสี่ยวชวน ได้สร้างความฮือฮาเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว โดยเสนอให้เอสดีอาร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก แทนที่เงินดอลลาร์สหรัฐ
ขณะนี้ สกุลเงินในเอสดีอาร์ ประกอบด้วยสกุลเงินหลักของ 4 ชาติ ได้แก่ ยูโร เยน สเตอลิง และดอลลาร์ โดยนานาชาติทบทวนองค์ประกอบสกุลเงินในตระกร้าเงินกัน ทุกๆ 5 ปี และจะมีการทบทวนในครั้งถัดไป ปลายปี 2553 นี้
สื่อแดนปลาดิบ อ้างแหล่งข่าวการเงินที่พูดกันในกรุงวอชงตัน ว่าผู้นำจีนตั้งเป้าผลักดันให้สกุลเงินหยวน เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสกุลเงินในเอสดีอาร์ ในการทบทวนฯปี 2558 โดยผู้นำจีนได้เจรจาเรื่องนี้แล้วกับประเทศต่างๆได้แก่ สหรัฐฯ และอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม การดันให้หยวนเข้าสู่ เอสดีอาร์ ก็มีอุปสรรค อาทิ จีนจะต้องเปิดเสรีธุรกรรมเงินทุนก่อน นอกจากนี้ สหรัฐฯก็จะคัดค้าน หากจีนยังไม่ยอมปรับค่าเงินหยวนต่อดอลลาร์
ในวันเสาร์(6 มี.ค.) ธนาคารกลางจีนยังคงยืนยันรักษาเสถียรภาพเงินหยวนในปีนี้(2553) และจะปรับความยืดหยุ่นในนโยบายการเงินให้หลอมลงมากที่สุด