เอเอฟพี-สื่อทางการจีนรายงานวันที่ 22 ธ.ค. ว่า ในปีหน้า 2553 บรรดาธนาคารต่างๆ ในจีน จะต้องระดมเงินอีกราว 5แสนล้านหยวน (7.32 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อให้เพียงพอกับการป้องกันภาวะหนี้เสีย หลังจากที่ปีนี้ได้ปล่อยเงินกู้ปริมาณมหาศาล
บทเรียนหนึ่ง ที่เรียนรู้จากวิกฤตการเงินทั่วโลก คือความสำคัญของการรักษาเงินทุนหลัก ซึ่งสามารถบรรลุผลดีที่สุดโดยการออกหุ้นเพิ่มทุน สื่อรายงานโดยอ้างอิงคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส ฝ่ายกำกับดูแลกิจการธนาคารจีน
เช่นเดียวกับนายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ที่กล่าวถึงนโยบายการกำหนดสำรองของธนาคารต่างๆ ว่ายังคงเป็นนโยบายการเงินที่สำคัญสำหรับธนาคารอยู่ และธนาคารกลางจำเป็นต้องใช้เงื่อนไขเรื่องการกำหนดสำรองเป็นเครื่องมือ เพื่อรองรับยอดการชำระที่สูงเกินไป
บรรดา ธนาคารพาณิชย์ของจีน จะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันสำคัญ กับการเพิ่มฐานเงินทุนของตน หลังจากการอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพื่อตอบรับต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 ล้านล้านหยวน ของทางการฯ ทำให้มียอดปล่อยเงินกู้สูงเป็นประวัติการณ์ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ทะลุ 9.21 ล้านล้านหยวน แล้ว
แม้ว่า ตั้งแต่เดือนก.ค. เป็นต้นมา อัตราสินเชื่อรายใหม่จะชะลอตัว แต่ก็เป็นที่คาดการณ์ว่า อัตราสินเชื่อจะยังคงสูงต่อไปในปีหน้า
ก่อนหน้านี้ ผู้รับผิดชอบกำกับดูแลฯ ได้เตือนว่าจะควบคุมยับยั้งอัตราการขยายธุรกิจธนาคาร จนกว่าจะมีมาตรการป้องกันปัญหาหนี้เสียที่รัดกุม โดยได้กล่าวเมื่อต้นเดือนนี้ว่า อัตราสำรองสำหรับธนาคารขนาดใหญ่นั้น จะต้องรวมค่าความเสี่ยงฯ ด้วย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8 เป็น ร้อยละ 11
ส่วนธนาคารขนาดเล็กและขนาดกลาง จะต้องรักษาอัตราสำรองของเงินทุนอย่างน้อยร้อยละ 10
อนึ่ง ตัวเลข 5 แสนล้านหยวนนี้ ยังรวม 1-2 แสนล้านหยวน จากธนาคารการเกษตรจีน หนึ่งใน "สี่ธนาคารยักษ์ใหญ่" ของรัฐ ที่คาดว่าจะเปิดขายหุ้นให้ประชาชนด้วย