xs
xsm
sm
md
lg

‘เอสปรี’ปรับโฉมร้านในฮ่องกง ชิมลางก่อนบุกตลาดจีน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซี – ‘เอสปรี’ เชนเสื้อผ้าชื่อดัง พลิกโฉมร้านขายเสื้อผ้าในฮ่องกง ใช้พื้นที่น้อยแต่เน้นดีไซน์ทันสมัย หวังเป็นต้นแบบร้านเสื้อที่จะบุกตลาดจีนปีหน้า

นายไฮนซ์ โครกเนอร์ ประธานบริษัทเอสปรี โฮลดิ้ง เชนเสื้อผ้าชื่อดังของฮ่องกง เผยว่า เราจะใช้รูปแบบร้านขายเสื้อที่เพิ่งเปิดใหม่ในฮ่องกง ซึ่งใช้พื้นที่เพียง 1 หมื่นตารางฟุตแต่เน้นการตกแต่งให้ดูทันสมัย เป็นธงนำรับมือกับตลาดในจีนที่คาดว่าปีหน้าจะเติบโตขึ้นมาก ร้านในจีนอาจใช้พื้นที่ใหญ่กว่าแต่จะเน้นการตกแต่งเหมือนกัน

“ผมอยากทำให้แผนการนี้เรียบร้อยเร็วๆ” นายโครกเนอร์ กล่าวและว่า ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ตลาดเสื้อผ้าจะไปได้เรื่อยๆ แต่ยอดขายจะเริ่มหวือหวาขึ้นตั้งแต่กลางปี 2553 เป็นต้นไป

‘เอสปรี’ เป็นแบรด์เนมชื่อดังของสินค้าประเภทเสื้อผ้า เครื่องประดับ และเครื่องสำอาง ซึ่งขณะนี้วางจำหน่ายอยู่ในตลาดประเทศต่างๆ กว่า 40 แห่ง และยังวางแผนว่าจะเปิดร้านจำหน่ายสินค้าขนาดพื้นที่ 1 หมื่นตารางฟุตในฮ่องกงให้ได้ 15 แห่ง

“เราต้องการเป็นผู้นำในตลาดฮ่องกง และเราสามารถทำได้ภายในเวลา 2 ปี หากเราหาพื้นที่เพื่อเช่าเปิดร้านได้ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องค่าเช่า แต่อยู่ที่ว่าจะมีพื้นที่ว่างให้เราเช่าหรือไม่” นายโครกเนอร์ ระบุ

ขณะที่ นายแอนดริว ซุลลิแวน นักวิเคราะห์หุ้นจาก Mainfirst Securities ในฮ่องกง ให้ความเห็นว่า “เอสปรีกำลังหาลู่ทางเข้าไปยึดตำแหน่งในตลาดสินค้าราคาแพง แต่คงไม่เข้าไปแข่งกับแบรนด์ ‘อาร์มานี’ คงจะหันมาหาแข่งในตลาดที่ต่ำกว่านั้น”

นายซุลลิแวน กล่าวอีกว่า บรรดาผู้บริโภคมองสินค้ายี่ห้อเอสปรี ว่าอยู่ในระดับเดียวกับยี่ห้อจิออดาโนส์ และบอสสินี ที่มีราคาถูกกว่าอาร์มานี และการเปิดร้านขายสินค้าไสตล์ใหม่นี้ ถือเป็นความพยายามของเอสปรี ที่จะฉีกตัวเองออกจากภาพลักษณ์เก่าแบบจิออดาโนส์ เพื่อให้ดูทันสมัยขึ้น

สำหรับผลกำไรของบริษัทเอสปรีที่มีการประมวลไปเมื่อสิ้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่าลดลง 26 เปอร์เซ็นต์ คงเหลือยอดเพียง 4,750 ล้านเหรียญฮ่องกง (1 เหรียญฮ่องกงเท่ากับ 4.4 บาท) ถือเป็นผลกำไรที่ลดลงครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ โดยนายโครกเนอร์ ระบุว่า คงต้องใช้เวลากว่า 1 ปีที่จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทกลับมาดีเหมือนเดิม

“ผู้ประกอบการทุกรายจะต้องฝืนทนไปจนกว่าจะถึงกลางปี 2553 ที่เราคาดว่าอย่างจะดีขึ้นหลังจากนั้น และเราก็พร้อมรับมือกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแล้ว”

สำหรับการทำตลาดในประเทศจีนนั้น เอสปรีได้ร่วมหุ้นกับ China Resources Enterprise ที่มีร้านค้าในเครือข่ายกระจายอยู่กว่า 1,100 แห่งทั่วประเทศ และมียอดขายประมาณปีละ 2,700 ล้านเหรียญฮ่องกง

ในการร่วมหุ้นดังกล่าว เอสปรีถือหุ้นอยู่ 49 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ China Resources ถืออยู่ 51 เปอร์เซ็นต์ และขณะนี้ทาง China Resources กำลังพิจารณาเรื่องการแบ่งขายหุ้นที่ถือครองอยู่ ซึ่งนายโครกเนอร์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าเอสปรีสนใจซื้อหุ้นกลับมาครองไว้หรือไม่ เพียงแต่กล่าวเป็นนัยว่า “เราเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จอยู่เสมอ”
กำลังโหลดความคิดเห็น