เอเอฟพี – เกาสง เมืองใหญ่อันดับ 2 ของไต้หวันเมินจีนประท้วงไม่ให้ฉายภาพยนตร์ชีวประวัติของผู้นำชาวมุสลิมอุยกูร์พลัดถิ่น นางเรบียะ กอดีร์ คาดความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการราดน้ำมันลงกองเพลิง สร้างความไม่พอใจให้แก่ปักกิ่งยิ่งขึ้น
เฉิน จู นายกเทศมนตรีเมืองเกาสงไม่สนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ของจีนที่คัดค้านการฉายภาพยนตร์อัตชีวประวัติของประธานสภาอุยกูร์โลกในเมืองเกาสงสัปดาห์นี้ เพราะหวั่นก่อให้เกิดความไม่สงบระลอกใหม่ในซินเจียง
“การบล็อกภาพยนตร์เพียงเพราะปักกิ่งต้องการ จะทำลายจุดยืนของเกาสงในฐานะเมืองทันสมัยและเมืองแห่งสิทธิมนุษยชน” เธอกล่าวในการตอบข้อซักถามที่สภาเมือง
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20 ก.ย.) เฉินเปิดเผยว่า เมืองเกาสงจะฉายหนังเรื่อง “The 10 Conditions of Love” ในสัปดาห์นี้ ก่อนเทศกาลภาพยนตร์เมืองเกาสงจะมีขึ้นในเดือนตุลาคมนี้
การตัดสินใจจะฉายหนังเรื่องดังกล่าวนำมาซึ่งความกังวล โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเกาสง เกี่ยวกับการตอบโต้จากปักกิ่ง ซึ่งมองกอดีร์เป็นตัวการที่อยู่เบื้องหลังอาชญากรรมนองเลือดในเหตุจลาจลที่ซินเจียง บ้านเกิดของเธอเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เกาสง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของไต้หวัน เป็นฐานที่มั่นสำคัญของฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี) ซึ่งผลักดันไต้หวันให้เป็นอิสระจากแผ่นดินใหญ่
เมื่อไม่นานมานี้นักการเมืองในพื้นที่เมืองเกาสงสร้างความไม่พอใจแก่จีน หลังจากเชิญทะไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของชนชาติทิเบตมายังไต้หวัน อ้างเพื่อปลอบขวัญเหยื่อไต้ฝุ่นมรกต
โดยครั้งนั้น บรรดาบริษัททัวร์แผ่นดินใหญ่ต่างเลี่ยงนำทัวร์ลงโรงแรมในเกาสง ส่งผลให้ยอดจองห้องพักในช่วงเดือนกันยายนตกฮวบ ตามที่แอนโธนี่ เหลียว จากสมาคมธุรกิจทัวร์ไทเปเปิดเผย
กลุ่มผู้สังเกตุการณ์กล่าวว่า การฉายหนังและเชิญทะไล ลามะมายังไต้หวันนั้น จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไต้หวันย่ำแย่ลง หลังจากช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มดีขึ้นตั้งแต่หม่า อิงจิ่วจากพรรคก๊กมินตั๋งได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี
ทั้งนี้ ปักกิ่งยังคงมองไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน ถึงแม้ว่าไต้หวันจะตั้งรัฐบาลของตัวเองขึ้นมาตั้งแต่สิ้นสุดสงครามกลางเมืองเมื่อปี 1949