邯郸学步
邯郸 (hán dān) อ่านว่า หานตัน เป็นชื่อสถานที่แห่งหนึ่งในอาณาเขตของรัฐเจ้า สมัยสงครามระหว่างรัฐ(จั้นกั๋ว) ปัจจุบันคือเมืองหานตันในเขตมณฑลเหอเป่ย
学 (xué) อ่านว่า เสียว์ แปลว่า เรียน
步 (bù) อ่านว่า ปู้ แปลว่า เดิน
ย้อนอดีตกลับไปในราว 2000 ปีก่อน เมืองโซ่วหลิงแห่งรัฐเอียน มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง ฐานะมีอันจะกิน รูปร่างหน้าตาก็จัดว่าอยู่ในขั้นใช้ได้ ข้อด้อยเพียงอย่างเดียวคือเป็นผู้ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง มักจะคิดเองเออเองว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าผู้อื่นอยู่ชั้นหนึ่ง เสื้อผ้าอาภรณ์ก็เป็นผู้อื่นที่ดูดีกว่า ข้าวปลาอาหารในจานของผู้อื่นก็ดูน่ากินกว่า บุคลิกจะยืนจะเดินก็ดูเหมือนผู้อื่นจะภูมิฐานผึ่งผายกว่าตัวเองอยู่มาก ดังนั้นเมื่อเขาพบเห็นสิ่งใดที่คิดว่าดูดีกว่า ก็จะตั้งหน้าตั้งตาเลียนแบบสิ่งนั้น โดยเรียนสิ่งใหม่ลืมสิ่งเก่าเสมอๆ ทำให้ถึงแม้ว่าจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ก็เอาดีไม่ได้สักอย่าง เพราะในท้ายที่สุดกลับไม่รู้ว่าสิ่งใดเหมาะสมกับตนเอง
แม้ว่าครอบครัวต่างพากันตักเตือนเขาให้แก้ไขข้อเสียอันนี้ แต่เขากลับคิดว่าคนในครอบครัวจู้จี้จุกจิก นานๆ เข้า แม้แต่การเดินเหินเขายังเริ่มสงสัยว่าทักษะการเดินของตนเองบกพร่อง ยิ่งเดินยิ่งดูขัดตา
วันหนึ่ง ขณะที่เดินอยู่บนถนน เขาบังเอิญพบคนกลุ่มหนึ่งเดินผ่านไปพลาง พูดคุยกันไปพลาง เขาได้ยินแว่วๆ เพียงว่า “ชาวเมืองหานตันนั้นมีท่าเดินที่สวยงามจริงๆ” ก็ให้เกิดความสนใจยิ่งนัก จึงรีบตามคนกลุ่มนั้นไปเผื่อไต่ถามให้แน่ชัด แต่ไม่ทันได้ไถ่ถาม คนกลุ่มนั้นก็จากไปเสียก่อน
ท่วงท่าการเดินของชาวหานตานนั้นงดงามเช่นไรหรอ? ชายชาวโซ่วหลิงได้แต่ขบคิดไม่เข้าใจ จนกลายเป็นปัญหารบกวนจิตใจเขาอยู่ตลอดเวลา จนในที่สุดเขาจึงตัดสินใจเดินทางไปยังเมืองหานตันที่ห่างไกล เพียงเพื่อเรียนรู้วิธีการเดินที่ร่ำลือว่าสวยงามนั้น
เมื่อเดินทางถึงเมืองหานตัน ชายชาวโซ่วหลิงรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างช่างดูแปลกใหม่ มองเห็นเด็กน้อยเดินอยู่ เขาก็คิดว่าช่างร่าเริง น่ารักนัก จริงเลียนแบบบ้าง ต่อมาพอเห็นคนชราเดิน ก็คิดว่า ช่างดูเนิบนาบ มั่นคง จึงเปลี่ยนมาเลียนแบบ ครั้นพอมองเห็นสตรีเดินเหิน โยกย้ายส่ายเอวทรงเสน่ห์ ก็รีบทำตาม เช่นนี้จนเวลาผ่านพ้นไปราวครึ่งเดือน ตัวเขานั้นไม่เพียงไม่อาจเลียนแบบท่าเดินที่ดีที่สุดได้ ลำพังการเดินเหินแบบธรรมดาของตนเองก็กลับลืมเลือนทำไม่ได้เสียแล้ว อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็ใช้ไปหมดสิ้น สุดท้ายจึงได้แต่คลานกลับบ้าน ถูกคนที่พบเห็นหัวเราะเยาะเย้ยไปตลอดทาง
การเรียนรู้ข้อดีของผู้อื่นเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องเป็นการเรียนรู้ที่ปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาวะของตนเอง มิใช้เอาแต่ดูถูกตนเอง เห็นผู้อื่นดีกว่าอยู่ร่ำไป เช่นเดียวกับสำนวน “หานตันเสียว์ปู้” หรือหัดเดินเลียนแบบชาวหานตัน ซึ่งมักใช้เพื่อเปรียบเทียบว่า การเอาแต่เลียนแบบผู้อื่นโดยที่ไม่คำนึงถึงความเหมาะสมและความเป็นไปได้นั้น ไม่เพียงไม่สามารถนำข้อดีของผู้อื่นมาใช้ หนำซ้ำอาจเป็นการทำลายของตนเองทิ้งไปอีกด้วย
สำนวนนี้มีความหมายทางลบ(贬义) ใช้ในตำแหน่งภาคแสดง(谓语) หรือกรรมของประโยค(宾语)
ตัวอย่างประโยค
写作文不能照搬例文,那样会像邯郸学步一样,是写不出好文章来的。
เขียนเรียงความนั้นจะเอาแต่ลอกจากตัวอย่างไม่ได้ เพราะทำเช่นนั้นก็เหมือนกับ ~ ไม่มีทางเขียนเรียงความดีๆ ออกมาได้