สาธารณสุขจีนเผยอาชญากรหมดสิทธิ์แปลงเพศ

เอเยนซี – กระทรวงสาธารณสุขจีนเปิดเผยจะออกคู่มือทางการแพทย์สำหรับการผ่าตัดแปลงเพศเป็นครั้งแรก เพื่อจัดระเบียบและสร้างมาตรฐานของการแปลงเพศ ระบุคุณสมบัติอายุ 20 ปีขึ้นไป ,โสด ,และไม่ใช่ผู้ร้ายก่ออาชญากรรม

เมื่อวันอังคาร( 15 มิ.ย.) กระทรวงสาธารณสุขจีนแถลงผ่านเว็บไซต์ขอความเห็นจากประชาชนและผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับหลักชี้แนะการผ่าตัดแปลงเพศฉบับร่าง โดยมีเป้าหมายควบคุมและวางมาตรฐานในการผ่าตัดแปลงเพศ ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งเพื่อระบุตัวตนในกลุ่มผู้แปลงเพศ

ด้านผู้เชี่ยวชาญประเมินว่ามีชาวจีนเกือบ 2,000 คน ที่ผ่าตัดแปลงเพศแล้ว และกำลังพิจารณาการผ่าตัดฯราว 100,000 – 400,000 คน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีตัวเลขที่แน่ชัดจากทางการจีน

โดยในหลักชี้แนะฉบับร่างของกระทรวงสาธารณสุขจีนกำหนดให้ผู้มีสิทธิ์แปลงเพศต้องเป็นบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป สถานะโสด อีกทั้งระบุให้ผู้ที่แปลงเพศแล้วจะต้องใช้ชีวิตในเพศใหม่เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี และจะต้องเข้ารับการบำบัดสภาพจิตใจอย่างน้อย 1 ปี

ประเด็นสำคัญที่สุดคือผู้ประสงค์แปลงเพศต้องยื่นหนังสือรับรองการทดสอบทางจิตวิทยา อีกทั้งต้องได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม่ใช้ผู้กระทำผิดทางกฎหมาย

ขณะเดียวกันระบุด้วยว่า ก่อนเข้ารับการผ่าตัดจะต้องได้รับใบรับรองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเปลี่ยนสถานะเพศที่ระบุในบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลนั้นๆ

ด้าน ชิว เหรินจง นักชีววิทยาแห่งสถาบันสังคมศาสตร์ แสดงความเห็นตรงกันข้ามกับข้อเรียกร้องดังกล่าว บอกว่า “เมื่อบุคคลนั้นผ่านการทดสอบทางร่ายกายและจิตใจแล้ว เขาหรือเธอก็ควรจะมีสิทธิ์ในการผ่าตัดแปลงเพศ…ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจควรจะเปลี่ยนสถานะเพศในบัตรฯ หลังจากผ่าตัดมากกว่า”

ขณะที่ ชิวไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขซึ่งระบุให้ผู้ประสงค์แปลงเพศจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในเพศใหม่เป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากคนที่แปลงเพศแล้วยังคงไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมส่วนใหญ่ จึงเป็นเรื่องยากที่จะให้พวกเขาใช้ชีวิตหรือทำงานอย่างเปิดเผยในเพศที่พวกเขาเลือก

อย่างไรก็ตาม ชิวมองว่าหลักชี้แนะทางการแพทย์ของรัฐบาลแสดงถึงความกังวลต่อจำนวนผู้ที่ต้องการผ่าตัดแปลงเพศ

ด้านเฮ่อ ชิ่งเหลียน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม รวมถึงการผ่าตัดแปลงเพศในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ บอกว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลหรือผู้เข้ารับการผ่าตัดก็ดี ควรระมัดระวังในขั้นตอนการผ่าตัดให้มาก เพราะการผ่าตัดอาจนำมาซึ่งปัญหาใหญ่ด้านสังคมและกฎหมาย โดยนายแพทย์เฮ่อสรุปว่า การผ่าตัดแปลงเพศควรเป็นทางเลือกสุดท้าย

และยังบอกด้วยว่า แพทย์ควรสร้างความเข้าใจแก่ผู้เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ และว่าควรแนะนำแนวทางการใช้ชีวิตในรูปแบบเดิมที่เป็นอยู่

ขณะเดียวกันหลักชี้แนะทางการแพทย์ฉบับนี้ระบุว่า แพทย์ควรเสนอทางเลือกอื่นแก่ผู้ป่วย เช่นการรักษาด้วยฮอร์โมน รวมทั้งผลข้างเคียงหรือความเสี่ยงทั้งด้านการต่อต้านจากสังคม และการยอมรับในเชิงกฎหมาย

เสี่ยว เฟิง (อะลีส) ผู้ผ่าตัดแปลงเพศ ชาวปักกิ่ง ให้สัมภาษณ์ไชน่าเดลี่ว่า เขาได้รับคำปรึกษาและข้อคิดที่หลากหลายจากแพทย์ บ้างก็แนะนำให้ผ่าตัด บ้างก็ไม่เห็นด้วย

“ผมรู้สึกสับสนไปหมด ได้แต่หวังว่ารัฐบาลจะมีคู่มือความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และมาตรฐานในการศัลยกรรมให้” เสี่ยว เฟิง บอก

กระนั้น เสี่ยว เฟิงบอกว่าเพื่อนร่วมโลกสีรุ้งบางคนก็ตัดสินใจไม่ผ่าตัดแปลงเพศ เนื่องจากรู้สึกไม่ชอบเงื่อนไขที่ระบุในกฎใหม่นั้น เพราะหากพวกเขาเข้ารับการผ่าตัด ชีวิตของพวกเขาอาจกลายเป็นสัตว์ประหลาด

ในมุมมองระยะยาวของผู้ที่ต้องการผ่าตัดแปลงเพศ การศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สิ่งที่เขาต้องเผชิญนั่นคือการใช้ชีวิตบนโลกแห่งความเป็นจริงต่างหาก ชิว เหรินจงกล่าวเสริม