เอเยนซี่ – พรรคคอมมิวนิสต์จีนหารือแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและความมั่นคงทางสังคมในที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ ที่จะเริ่มเปิดม่านวันพฤหัสฯนี้ หลายฝ่ายขานรับแผนใช้จ่ายด้านสังคม ระบุจะช่วยให้คนนำเงินออมมาใช้มากขึ้น แถมช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ทำให้จีนลดการพึ่งพาตลาดส่งออก
การประชุมประจำปีของสภาประชาชนฯ หรือรัฐสภาจีน ซึ่งเป็นสภาตรายางทางด้านนิติบัญญัติ จะเริ่มตั้งแต่บ่ายวันพฤหัสบดี(5 มี.ค.) นี้และต่อเนื่องไปอีก 9 วัน โดยเรื่องที่จะหยิบยกขึ้นมาหารือคงหนีไม่พ้นความตกต่ำด้านเศรษฐกิจ ปัญหาการว่างงาน และความวุ่นวายทางสังคมที่อาจเกิดขึ้น
ประเด็นร้อน
จ้าว ฉีเจิง แห่งคณะกรรมการที่ปรึกษาสภาประชาชนฯเผยว่าการประชุมสภาประชาชนครั้งนี้จะมุ่งไปที่การถกเถียงเรื่องการใช้งบประมาณ 4 ล้านล้านหยวน (5.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ) ในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ประกาศเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อรักษาอัตราเติบโตเศรษฐกิจ และเสถียรภาพสังคม
จากนั้น ที่ประชุมก็จะรับรองการตัดสินร่างกฎหมายต่างๆ ที่ผ่านการเห็นชอบจากพรรคคอมมิวนิสต์ องค์กรอำนาจสูงสุดของประเทศจีน
สำหรับปีนี้ กฎหมายฉบับสำคัญที่สุด ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยเครือข่ายสวัสดิการสังคม ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์แก่กลุ่มชนบท โดยกฎหมายเหล่านี้ ได้ให้สัญญาครอบจักรวาล นับตั้งแต่จะเปิดช่องทางการเข้าถึงการรักษาพยาบาลพื้นฐาน การบาดเจ็บจากการทำงาน การประกันการว่างงาน และเรื่องบำนาญข้าราชการเกษียณอายุ เป็นต้น ด้วยหวังว่ากฎหมายดังกล่าวจะช่วยสกัดความวุ่นวายในสังคมโดยเฉพาะในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ที่อัตราว่างงานมีแต่พุ่งสูง ซึ่งปัญหานี้ สร้างความหวาดวิตกแก่ผู้นำจีนมากที่สุด
“ทางพรรคคอมมิวนิสต์พยายามที่จะชี้ให้ประชาชนเห็นว่า ปัญหาเศรษฐกิจของจีนไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดและรัฐบาลสามารถควบคุมได้ แต่สิ่งที่รัฐบาลกังวลจริงๆ กลับเป็นเรื่องความวุ่นวายทางสังคม” นั่นเป็นความเห็นจาก นายวิลลี่ หลิน นักวิเคราะห์การเมืองจากมหาวิทยาลัยภาษาจีนในฮ่องกง
แหล่งข่าวจากผู้เข้าร่วมประชุม ระบุว่า “เสถียรภาพทางสังคมถือว่าสำคัญที่สุด รัฐบาลจะใช้จ่ายเงินมากขึ้นเพื่อรักษาเสถียรภาพทางสังคม ในขณะที่วิกฤตการเงินตกต่ำลง”
อย่างไรก็ตาม ผู้นำจีนทั้ง ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา และนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า ต่างก็ออกมาแสดงความกังวลต่อความวุ่นวายทางสังคมที่อาจเกิดขึ้น และได้กล่าวเตือนไว้ว่า ปี 2552 จะเป็นปีที่ยากลำบากที่สุดสำหรับชาวจีน เพราะมีคนหลายล้านคนต้องตกงาน
การใช้จ่ายเงินทางด้านสังคมของจีนนั้น นอกจากจะช่วยให้ความกลัวต่อความวุ่นวายทางสังคมบรรเทาลงแล้ว ยังจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศด้วย เพราะประชาชนไม่ต้องเจียดเงินไว้เพื่อการรักษาพยาบาล หรือไว้ใช้หลังจากเกษียณอายุราชการ และเมื่อการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น จีนก็จะลดการพึ่งพาตลาดส่งออกในต่างประเทศ
ปัจจุบัน การออมภาคครัวเรือนของจีนมีมากกว่า 1 ใน 4 ของรายได้ และหากรัฐบาลทำให้ประชาชนมั่นใจว่า พวกเขาจะได้รับการอุดหนุนเมื่อยามชรา รวมทั้งการอุดหนุนด้านการศึกษาและการรักษาพยาบาล ประชาชนก็กล้าที่จะนำเงินออกมาใช้จ่ายมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนได้ประกาศว่าจะใช้เงินจำนวน 5.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 20 ล้านล้านบาท) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเงินจำนวนดังกล่าว รวมทั้งเงินที่จะใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อความมั่นคงทางสังคม ทำให้สำนักงานประมาณของจีนคาดการณ์ว่า จะทำให้จีนขาดดุลงบประมาณราว 1.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 4.9 ล้านล้านบาท)
เงินเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ ส่วนใหญ่จะนำไปใช้ในการก่อสร้างและพัฒนาสาธารณูปโภค มีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ของเงินทั้งหมด ที่จะนำไปใช้เพื่อการดูแลสุขภาพและการศึกษา อีก 7 เปอร์เซ็นต์จะใช้เพื่อจัดสรรบ้านให้ประชาชน
“จีนจำเป็นต้องปรับโครงสร้างในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะการใช้เงินจำนวนมากเกินไปเพื่ออุตสาหกรรมหนักและอุตสาหกรรมการผลิต อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้หากการบริโภคสินค้าเหล่านี้มีไม่เพียงพอ” นายจวง เจี้ยน นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารพัฒนาเอเชีย แสดงความเห็นไว้
นอกจากนี้ ในที่ประชุมสภาประชาชนฯ ยังจะหารือในเรื่องอื่นๆ อาทิ กฎหมายใหม่เรื่องความปลอดภัยของอาหาร ที่จะช่วยยุติข้อครหาเกี่ยวกับอันตรายของผลิตภัณฑ์อาหารในจีน, เรื่องกฎหมายการจ้างงาน ที่มีไว้เพื่อรักษาสิทธิลูกจ้าง เป็นต้น ขณะเดียวกัน สภาประชาชนฯ ก็จะเพิ่มงบประมาณเพื่อพัฒนากองทัพจีนให้ทันสมัยอีกด้วย
การประชุมท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม
ในการประชุมรัฐสภามังกรครั้งนี้ จีนได้ระดมกำลังเฝ้าระวังเหตุการณ์อย่างเต็มที่ สืบเนื่องจากในปีนี้ยังจะเป็นปีครบรอบหลายๆ เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์จีน ทั้งการครบรอบ 50 ปีที่จีนเข้าปกครองทิเบต การครบรอบ 20 ปีเหตุการณ์ล้อมปราบนักศึกษาที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน และการครบรอบ 60 ปีของการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นช่วงอ่อนไหวต่อการเมืองภายในจีนทั้งสิ้น โดยกลุ่มที่มีความเห้ต่างแยกจากรัฐบาลอาจถือโอกาสดังกล่าว วิพากษ์วิจารณ์หรือเคลื่อนไหวด้านการเมือง
และในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในวันแรกของเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นเดือนครบรอบ 50 ปี การลุกฮือต่อต้านอำนาจจีนของชนชาติทิเบต การประท้วงในชุมชนทิเบตก็ระเบิดขึ้น จากกรณีพระทิเบตจุดไฟเผาตัวเอง ประท้วงจีน โดยหลายแหล่งข่าวชี้สาเหตุว่ามาจากการที่เจ้าหน้าที่จีนห้ามพระในอารามเมือ
อาบา ในซื่อชวน (เสฉวน) สวดมนต์ในวาระวันปีใหม่ของชาวทิเบต
ในกรุงปักกิ่งเมื่ออังคาร(3 มี.ค.) รอบจัตุรัสเทียนอันเหมิน เต็มไปด้วยรถลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ ตรวจตราร่องรอยของกลุ่มที่มีความเห็นแตกแยกไปจากรัฐบาล
ข้อมูลน่ารู้ในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน
ประธาน : นายอู๋ ปังกั๋ว ในระบบการเมืองของจีนนั้น ตำแหน่งนี้จะมี ความสำคัญเป็นอันดับที่ 2 รองจากประธานาธิบดีหู จิ่นเทา
สถานที่ประชุม : มหาศาลาประชาคม อาคารคอนกรีตแบบนีโอ-คลาสสิค ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ของจัตุรัสเทียนอันเหมิน
ระยะเวลา : เวลาในการประชุม 10-12 วัน
ผู้ร่วมประชุม : มีมากกว่า 3,000 คนโดยได้รับคัดเลือกจากรัฐสภามณฑลและเขตการปกครองต่างๆ รวมถึงตัวแทน จากกองทัพ จากเกาะฮ่องกง ไต้หวัน และมาเก๊า ส่วนคณะกรรมการประจำ สภาประชาชน จะเป็นกลุ่มผู้นำจำนวนอยู่ประมาณ 160 คน
ความถี่ : มีการจัดประชุมปีละครั้ง ปกติจะเป็นช่วงต้นเดือนมีนาคม ส่วนคณะกรรมการประจำของสภาประชาชน จะมีการประชุมทุกๆ 2 เดือน เพื่อพิจารณา กฎหมายที่จะนำเข้าที่ประชุมใหญ่
อำนาจทางกฎหมาย : มีคนเรียกสภาประชาชนว่า “สภาตรายาง” ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และกฎหมายที่ผ่านมาสภานี้จะได้รับการโหวตด้วยเสียงส่วนใหญ่ แต่ผู้ สังเกตุการณ์ บอกว่า ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายบางฉบับ จะออกเสียง ได้ในระดับการ เตรียมการ
อำนาจทางงบประมาณ : สภาประชาชนจะทำหน้าที่ลงคะแนนในร่างงบประมาณประจำปี ของรัฐบาล ซึ่งร่างงบประมาณจะผ่านความเห็นชอบของสมัชชา ประชาชนด้วยเสียงส่วนใหญ่เสมอ
อำนาจในการแต่งตั้ง : เจ้าหน้าที่ในระดับต่างๆ ตั้งแต่ประธานาธิบดี ไปจนถึงมุขมนตรี รัฐมนตรี และผู้พิพากษาระดับสูง ต้องผ่านการเลือกตั้งจากสมัชชา ประชาชน และแต่ละตำแหน่งจะมีผู้สมัครเพียงคนเดียว
ประเด็นพิจารณา : เมื่อปีที่แล้วที่ประชุมสภาประชาชนได้หารือในเรื่องตำแหน่งผู้นำ ระดับสูงที่จะอยู่ในตำแหน่งในอีก 5 ปีข้างหน้า ในปีนี้คาดว่าสภาประชาชนจะมีการหารือในเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ
วาระใหญ่ประจำปี: ประเด็นเด่นอีกเรื่องหนึ่งคือการผ่านกฎหมายความมั่นคงทางสังคมฉบับ ใหม่ ที่จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลพื้นฐาน การบาดเจ็บ จากการทำงาน การประกันการว่างงาน และบำนาญสำหรับข้าราชการ เกษียณ
และยังคาดว่าสภาตรายางแห่งนี้ยังจะพิจารณากฎหมายที่ว่าด้วยสัญญา การจ้างงาน ที่จะทำให้คนงานทุกคนได้รับสัญญาการจ้างงาน และเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิ